วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

forevermore - 03


   นัยน์ตากลมโตจับจ้องที่ร่างสูงตรงหน้าที่กำลังอ่านหนังสือในมืออย่างไม่วางตา แบมแบมไม่ได้สงสัยว่าของแปลกประหลาดที่มือหนากำลังถืออยู่ชิ้นนั้นคืออะไร สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ตอนนี้คงมีแต่ใบหน้าของมาร์คเพียงเท่านั้น

แขนเล็กเท้าคางมอง ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างไม่กลัวจะถูกจ้องมองกลับ ดวงตากลมใสสะท้อนภาพของมาร์คทุกอิริยาบถ มือหนาบรรจงปิดหนังสือวางลงข้างกายก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย ใกล้...จนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน มาร์คสบตาคู่สวยจ้องลึกค้นหาความรู้สึกที่ถูกส่งมาจากภายใน

ทำไมหรือ?” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนพร้อมยกยิ้ม รอยยิ้มที่ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆโดยที่มาร์คไม่รู้สึกตัว ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกน่าเข้าใกล้ มีรอยยิ้มแข็งกระด้างที่ไม่ได้ส่งผ่านจากดวงตาเป็นหน้ากากป้องกัน ปิดกั้นตนเอง ปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงไม่ให้ผู้ใดได้รับรู้ แต่ตอนนี้กลับแตกต่าง...ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว รอยยิ้มที่ระบายออกมาอ่อนโยนกว่าครั้งใด สายตาถ่ายทอดความรู้สึกจากภายใน เป็นรอยยิ้มที่ยิ้มทั้งตาและปากให้ร่างตรงหน้าเพียงผู้เดียว

แบมแบมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไม อยากจะสื่อสาร อยากจะถาม อยากจะพูดเพื่อจะได้รับรู้คำตอบ มือเล็กสัมผัสที่แก้มสากอยากมองทะลุเข้าไปในจิตใจ ค้นหาสิ่งที่เขาสงสัยโดยไม่รู้เลยว่านัยน์ตากลมสีนิลราวกับอัญมณีคู่นั้นกำลังดึงดูดให้ร่างกายของมาร์คชิดใกล้ยิ่งกว่าเดิม

ร่างกายเร็วกว่าสมองไตร่ตรอง แขนแกร่งอุ้มเงือกน้อยมานั่งบนตักอยู่ในอ้อมกอดโดยไม่กลัวเสื้อผ้าเนื้อดีจะเปียกปอน กายสัมผัสกาย ผิวเนียนแนบชิดเสียดสี ลมหายใจร้อนผ่าวเพิ่มอุณหภูมิร่างกายและอุณหภูมิห้องให้สูงยิ่งกว่าเดิม หัวใจสั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่าเต้นรัวจนแทบหลุดออกมา

นัยน์ตาคมคู่สวยราวกับมีเวทมนตร์สะกดให้หลงใหล ใบหน้าสะคราญโฉมดึงดูดให้ชิดใกล้ สองสายตาสบประสานดั่งขั้วบวกขั้วลบที่กำลังแนบชิดสนิทผสาน ใบหน้าชิดจนหน้าผากแตะกันเบาๆ มาร์คควบคุมอารมณ์ไม่ให้สัมผัสหรือล่วงเกินอีกฝ่าย แต่ความต้องการกลับมีมากกว่านั้น ปลายจมูกโด่งสัมผัสคลอเคลียจมูกโด่งรั้น มือหนาค่อยๆลูบไล้โครงหน้าสวย ยิ่งมองยิ่งลุ่มหลง ตราตรึงในหัวใจไม่รู้จักเบื่อหน่าย นิ้วหนาแตะเบาๆที่คางมนเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้เข้าใกล้ หัวใจและสติของแบมแบมกำลังปั่นป่วน รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ความคิดทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า เมื่อริมฝีปากหนาได้ชิมรสหวานนุ่มของริมฝีปากแดงระเรื่อ ละเมียดละไมเรียวปากไม่ได้รุกล้ำดั่งเช่นทุกครั้ง สายตาทั้งสองคู่สอดประสาน แม้ว่าริมฝีปากจะผละออกจากกัน

ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะผิวหน้า หัวใจยังเต้นรัวไม่หยุด ยิ่งสัมผัส ยิ่งเข้าใกล้ จิตใจยิ่งโหยหาและร้อนผ่าว ความต้องการที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกกำลังถูกปลุกขึ้นมา อยากตักตวง อยากเก็บเกี่ยวความหอมหวาน อยากสัมผัสมากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม

นิ้วหนาไล้ไปตามแก้มนิ่มจับปลายคางมนก่อนครอบครองริมฝีปากแสนยั่วเย้า ฟันขาวขบเบาๆให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปาก สอดลิ้นร้อนไปช่วงชิง รุกล้ำในโพรงปาก เกี้ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่พยายามหนีสัมผัสวาบหวาม แต่ไม่อาจหลบลิ้นร้อนจนร่างกายต้องโอบอ่อนไปตามการชักจูง แบมแบมอยากจะดึงสติที่ถูกฉกฉวยครั้งแล้วครั้งเล่าให้กลับคืนแต่ไม่สามารถควบคุมได้ การไตร่ตรองนึกคิดถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า มีแต่สัญชาตญาณและความรู้สึกที่ทำหน้าที่อยู่เท่านั้น

มือหนาลูบลำคอระหง ลูบไล้หัวไหล่กลมมน ลากผ่านสีข้าง ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดขับให้แบมแบมน่าหลงใหลมากกว่าเดิม ก่อนบีบเบาๆที่สะโพกมน ร่างของแบมแบมสั่นสะท้านกับความรู้สึกแปลกใหม่ จูบอ่อนโยนค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงให้หัวใจสั่นรัว

อือ” เสียงหวานครางอืออึ้งในลำคอ หวาน...ไม่ต่างจากรสจูบที่มาร์คได้ลิ้มรส ลิ้นร้อนพัวพันตวัดเรียวลิ้นของอีกฝ่าย อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นพร้อมหัวใจที่เต้นแรง ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ มัวเมากับสัมผัส มัวเมากับความรู้สึกที่ได้รับจนลืมตัว ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียหมด

มือหนาบีบคลึงสะโพกมนที่แปรเปลี่ยนจากเกล็ดปลาเป็นผิวเนียน เปลี่ยนจากหางปลาเป็นเรียวขาเพราะน้ำที่แห้งไปจากผิวกาย มาร์คกอบโกยความหวาน กอบโกยลมหายใจจากริมฝีปากอิ่มจนพอใจก่อนจะจูบเบาๆย้ำริมฝีปากแดงเจ่อ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างไม่กลัวเกรง

เสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่กลบเสียงเงียบภายในห้อง มือหนานวดคลึงสะโพกมนเบาๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดแทรกเข้ามาในร่างกาย ท้องน้อยกำลังปั่นป่วนไปหมด แบมแบมอึดอัด พยายามขยับหนี มาร์คจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นกลีบปากสีสวย แต่คราวนี้แบมแบมไม่นิ่งเฉยอีกแล้ว ใบหน้าสวยหวานเบี่ยงหนีทันทีเมื่อปลายนิ้วสัมผัส เบนหน้าเสมองไปทางอื่น นัยน์ตากลมโตมีแต่ความสับสน ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นควบคุมความรู้สึกตนเองที่กำลังเลยเถิด

ไม่ชอบหรอ?” มาร์คเอ่ยถามเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไป ฟันขาวขบริมฝีปากด้านในก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ

คำตอบที่ได้รับฉุดสติสัมปชัญญะให้กลับคืน ความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่เมื่อย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ต่างจากการบังคับจิตใจ ไม่ต่างจากการฉวยโอกาส

แบมแบมซบลงที่บ่าแกร่ง เสียงหอบหายใจจากอารมณ์ที่คั่งค้างยังดังอยู่ข้างหู พยายามกักเก็บอารมณ์ ควบคุมตนเอง เตือนสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ่อนทั้งความรู้สึกภายใน ซ่อนสายตาที่สั่นไหวไม่ให้คนตรงหน้าได้รับรู้ ยิ่งเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ความรู้สึกผิดยิ่งอัดแน่น มือหนาทำได้เพียงลูบเบาๆที่ผมสีดำสนิทปลอบประโลมก่อนที่จะจูบขมับแผ่วเบา เอ่ยกระซิบให้คนตรงหน้าฟังว่า “ข้าขอโทษ...

คนที่ควรเอ่ยคำนั้นออกมาควรเป็นเขาไม่ใช่มาร์ค แบมแบมทำได้เพียงหลับตาแน่น อยากจะปิดกั้นสมองไม่ให้คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงวันนี้หรือเมื่อวานนี้ แต่อยากลบเลือนตั้งแต่วันแรกที่พบเจอ ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นตอนนี้ อยากจะหยุดความรู้สึก หยุดหัวใจที่เต้นรัว อยากแทนที่ด้วยความเกลียดชังดั่งเช่นครั้งแรกที่พบเจอ แต่มันกลับทำไม่ได้ แม้จะเตือนกี่ครั้ง เตือนตนเองซ้ำๆก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่มากจนเอ่อล้น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ทำไม...ทำไมถึงไม่เข้าใจ ถึงห้ามไม่ได้เสียที

หนึ่งเงือก...หนึ่งมนุษย์ราวกับท้องทะเลและพื้นแผ่นดิน เกลียวคลื่นพัดเข้าสู่พื้นทรายแต่สุดท้ายก็ต้องย้อนคืนสู่มหาสมุทร เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นได้

บอกตนเอง เตือนตนเองว่ามันคือความลุ่มหลง คือมนต์เสน่ห์ คือมนต์สะกด บุรุษตรงหน้าไม่อาจรักเขาได้อย่างแท้จริง หาเหตุผลมากมายมาขัดแย้ง ย้ำถึงบทสรุปที่น่าเศร้าหากโอบอ่อน แต่ทำไมนะ ทำไม...หัวใจถึงไม่เชื่อสมองเลยสักนิดเดียว

ขอร้องเถอะหัวใจ...หยุดสั่นไหวสักที
เจ้าก็รู้...เจ้ารู้ดี
เก็บหัวใจไว้เถิด เก็บความรักไว้เถิด แทนที่ด้วยความเกลียดชังก่อนที่จะต้องเจ็บปวด ทุกข์ตรมไปตลอดนับตั้งแต่บัดนี้... แต่แล้วสุดท้ายหัวใจนั้นโง่เขลา เมื่อมอบดวงใจไปแล้ว ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้
ความสุขวันนี้แลกกับความทุกข์ในวันข้างหน้า มนต์สะกดมีวันเสื่อมคลาย แต่ความรักนั้นมีอำนาจกว่าเวทมนตร์ใดๆ เพราะมันจะฝังแน่นอยู่ในจิตใจไปตลอดกาล...

แบมแบม...เจ้ายอมรับชะตากรรมแล้วใช่หรือไม่ แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม



ร่างเล็กว่ายวนไปรอบๆ นัยน์ตากลมโตหันไปมองแสงที่ลอดผ่านจากบานหน้าต่าง มองสลับกับบานประตูที่ถูกลงกลอนเอาไว้ มองสิ่งหนึ่งแล้วหันไปมองอีกสิ่งหนึ่งซ้ำๆเพื่อดูเวลา เพื่อรอคอยให้ประตูบานนั้นแง้มเปิดออก แต่หลายวันมาแล้ว...กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

หลายวันแล้ว...ที่มาร์คไม่ได้เข้ามาหา
หลายวันแล้ว...ที่ไม่ได้เห็นใบหน้าของคนคนนั้น
หลายวันแล้ว...ที่หัวใจว่างเปล่ามากขึ้นทุกที

ริมฝีปากอิ่มขบเม้มแน่น แบมแบมรู้อยู่แก่ใจว่านี้คือโอกาสของเขา โอกาสดีที่ใช้ประโยชน์จากวันเวลาเพื่อจัดการความรู้สึกของตนเอง

แต่เปล่าเลย... มันไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น
มันกลับแย่... แย่ยิ่งกว่าเดิม...

ใบหน้าสวยหวานที่ควรจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้ากลับว่างเปล่า หัวใจเคว้งคว้าง โหยหา ทำได้เพียงเฝ้ารอและเฝ้าคอย แม้จะพยายามหยุด พยายามห้ามกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถสั่งหัวใจตนเองได้อีกต่อไป

ความรู้สึกเด่นชัด คำตอบชัดเจนไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เอ่อล้นมากเกินไป จนบางครั้งก็กลัวหัวใจเหลือเกิน...

ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยเฝ้าคะนึงหาใครบางคน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้แต่จินตนาการถึงใครคนนั้น แบมแบมอยู่ในภวังค์จนไม่ได้ยินเสียงกลอนที่ถูกปลดล็อค ไม่ได้ยินเสียงประตูที่ถูกเปิดออก อยู่ในความคิดจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้าหา ร่างของคนในความคิดยืนอยู่ข้างๆคนเหม่อลอย ใบหน้าหล่อเหลาอิดโรยไปบ้างจากการโหมงานหนัก แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันก็สลายไปทันทีเมื่อได้พบเจอกับคนที่คิดถึงจนสุดหัวใจ

นิ้วหนาสะกิดแก้มนิ่มเบาๆให้แบมแบมหันมาสนใจ หลุดออกจากภวังค์ความคิดใบหน้าสวยหวานหันไปตามทางที่ถูกเรียกโดยไม่รู้ว่าปลายจมูกรั้นของตนจะเฉียดผ่านแก้มสากจนมาร์คหลุดยิ้มออกมา ร่างสูงนั่งย่อตัวเท้าคางข้างขอบถัง คลี่ยิ้มอย่างมีความสุขยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คนก้มหน้าชิดอกเพื่อซ่อนแก้มร้อนผ่าว

ขอบคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆ แม้สัมผัสเพียงครู่ที่แก้ม ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้ากลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง มือหนาลูบเบาๆที่ผมดำสนิท หัวใจของแบมแบมสั่นไหว ทั้งคิดถึง ทั้งเขินอาย ความรู้สึกมากมายพร้อมหัวใจที่เต้นจนอยากเขยิบออกห่าง เพื่อหวังว่าจะช่วยให้หัวใจที่เต้นช้าลงบ้าง

เจ้าเหงาไหม คิดถึงข้าหรือเปล่า” ถึงจะรู้ว่าไม่มีวันได้รับคำตอบ แต่มาร์คก็อยากบอกความรู้สึกให้คนตรงหน้ารับรู้ด้วยตนเอง ระยะห่าง การไม่ได้พบหน้าทำให้ความคิดถึง ความโหยหามันชัดเจนมากขึ้นจนเขาแน่ใจและมั่นใจ ยอมรับคำตอบ ยอมรับหัวใจตนเองแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็ตาม

แต่ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้ามาก...” เอ่ยบอกความในใจอย่างไม่ปิดบัง ศีรษะซบลงกับไหล่ลาด พักสมอง พักความเหนื่อยล้า พักร่างกาย ซึมซับพลังให้กลับคืนมาโดยที่แบมแบมไม่ได้ขยับหนีไปไหนแม้แต่น้อย ใบหน้าที่เคยอิดโรยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มาร์คลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียง ปิดเปลือกตาเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

แบมแบมว่ายเข้ามาใกล้ มือเล็กเกาะขอบถังจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่เฝ้าคิดถึง คิ้วมนขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นความตึงเครียดของอีกฝ่ายจากระหว่างคิ้ว ใบหน้าของมาร์คไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่ควรเป็น นิ้วเรียวสัมผัสเบาๆที่คิ้วขมวด แตะซ้ำๆหวังให้ความกังวลได้จางหาย ก่อนจะไล้ปลายนิ้วที่จมูกโด่งเป็นสัน ลูบเบาๆไล้ตามเรียวปากกดย้ำสัมผัสความนุ่มหยุ่นดั่งเด็กน้อยไม่ประสา ช่างสงสัย อยากเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่

นิ้วเรียวลากผ่านเคลื่อนไปยังส่วนอื่น แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมือหนากุมรั้งเอาไว้ เปลือกตาที่เคยปิดสนิทเผยนัยน์ตาที่จ้องมาอย่างเสน่หา ลุกขึ้นนั่งประสานสายตาจ้องลึกไปในดวงตากลมใสที่ไม่ประสีประสา ไม่รู้ความหมายการกระทำของตนที่กำลังชักจูงไปสู่สิ่งใด

อย่าทำแบบนี้...” มาร์คพยายามควบคุมเสียงแหบพร่า ใบหน้าของเงือกน้อยเต็มไปด้วยคำถาม ไม่เข้าใจประโยคที่ได้รับฟังราวกับเด็กน้อยที่ยังไม่ได้เผชิญโลกกว้าง คิดเพียงว่าไม่ได้ทำอะไรผิด โดยไม่รู้ว่าการกระทำของตนเองอันตรายกว่าสิ่งใด

อันตราย...ต่อหัวใจใครอีกคน

ใบหน้าสวยหวานสงสัยใคร่รู้จนคนมองต้องผ่อนลมหายใจก่อนอธิบายขยายความหมายคำพูดของตน

เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด... แต่ที่ข้าห้ามไม่ให้เจ้าทำ เพราะมันไม่ดีต่อตัวเจ้าเอง” มันกำลังทำให้ทุกอย่างเลยเถิด ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ทำให้อารมณ์ความต้องการมีอำนาจเหนือเหตุผลอื่นใด ปลุกสัญชาตญาณให้ตื่นขึ้น ฉกฉวยโอกาส ตักตวงสิ่งที่ตนเองปรารถนา สิ่งนั้นมันน่ากลัวหากถลำลึกมากเกินไป เขากลัว...หยุดตนเองไม่ได้เหมือนครั้งที่ผ่านมา

นัยน์ตาคมเสมองไปทางอื่นพยายามไม่สนใจนัยน์ตากลมโตที่สงสัยใคร่รู้ ริมฝีปากอิ่มขบเม้มแน่นอย่างไม่เข้าใจ เผลอคิดไปเองว่าอีกฝ่ายไม่ชอบการกระทำของตน คนตัวเล็กพยายามออดอ้อน ว่ายเข้ามาใกล้ให้อยู่ในสายตา มาร์คหันไปทางไหน แบมแบมก็ว่ายไปทางนั้น พยายามไม่สนใจมากเท่าไร ก็ยิ่งอยากเข้าหา ดึงความสนใจให้คืนกลับมามากเท่านั้น

มือเล็กตัดสินใจประคองใบหน้าหล่อเหลาให้เผชิญหน้ากับตน ไม่ให้หนีได้อีก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำอยู่ถูกต้องหรือไม่ เรียกร้องให้คนตรงหน้าหันมาสนใจได้หรือเปล่า สัมผัสแผ่วเบาจากปลายจมูกรั้นทำให้มาร์คสะดุ้งพยายามหนีจมูกซุกซน หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ สั่นสะท้านไปหมดทั้งร่างกายและจิตใจ

ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันไม่ดี” คล้ายจะดุ คล้ายจะห้าม แต่ไร้ความหนักแน่นในน้ำเสียง นัยน์ตากลมโตที่ทอดมองทำให้เขาโอบอ่อนไปเสียหมด ปลายจมูกลากผ่านไม่ได้เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย ใบหน้าสวยหวานซบลงกับอกแกร่ง ใบหูได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างชัดเจน มาร์คนิ่งกับการกระทำที่เกินคาดหมาย

ไม่อาจห้ามใจ อยากบอกความรู้สึกที่อัดแน่นเหลือเกิน ไม่สามารถสื่อสารบอกออกมาเป็นคำพูด มีแต่สายตา การกระทำและหัวใจที่เต้นอยู่นั้นถึงทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ มือเล็กตัดสินใจกุมมือหนา ทาบหลังมือกับข้างแก้มสัมผัสลูบไล้ไปตามผิวเนียนละเอียดของตนเองก่อนจะหยุดลงที่อกข้างซ้าย ทาบทับสัมผัสถึงหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ส่งผ่านความรู้สึกที่มีความหมายเช่นเดียวกัน

เจ้าอย่าทำแบบนี้... เพราะข้าไม่สามารถหยุดตนเองได้อีก” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูเอ่ยเตือนคนออดอ้อนเป็นครั้งสุดท้าย ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนมาชิดใกล้ ไม่อาจห้ามความรู้สึกและแรงปรารถนาได้ จมูกรั้นกดฝังที่แก้มมาร์คเป็นคำตอบ มาร์คไม่สามารถห้ามตนเองได้อีกแล้ว แขนแกร่งอุ้มร่างอีกฝ่ายมานั่งบนตัก เรียวแขนเล็กโอบรอบคอใบหน้าชิดใกล้จนสัมผัสลมหายใจร้อนผ่าว ครอบครองริมฝีปากอวบอิ่ม กดท้ายทอยให้ริมฝีปากทาบทับบดเบียดมากกว่าเดิม เผยอปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาในโพรงปาก มอบความหวานให้กันและกัน พัวพันเกี่ยวกระหวัดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ยอมผละออกไปไหนจนกว่าลมหายใจจะหมดลง

อ๊า...” เสียงหวานครางสั่นเมื่อจมูกลากผ่านหยอกล้อที่กกหู ตวัดปลายลิ้นให้คนถูกสัมผัสเสียวซ่าน ใช้ฟันขาวขบเม้มเบาๆที่ติ่งหู ลูบไล้สีข้างเนียนละเอียด บีบเบาที่สะโพกมนนุ่มมือ จมูกซุกไซร้ไปตามแนวไหปลาร้ากดจูบเบาๆปรนเปรอให้อีกฝ่ายปั่นป่วนไปทั้งร่าง ประทับฝากร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของบนผิวน่าสัมผัส จูบย้ำทุกพื้นที่ที่ริมฝีปากลากผ่าน ผิวกายของแบมแบมร้อนผ่าว เสียงหอบหายใจสลับเสียงครางจากอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง ริมฝีปากทำหน้าที่ไม่บกพร่อง ลิ้นร้อนแตะเบาๆที่ยอดอก ไม่ต่างจากมืออีกข้างที่กำลังบีบเค้นยอดอกจนตั้งชัน ร่างเล็กเสียววูบเผลอแอ่นอก

เสียงแหบหวานครางข้างหูเพิ่มความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุด มือหนาถือวิสาสะกุมมือที่สั่นน้อยๆมาช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ก่อนเผยรูปร่างภายใต้อาภรณ์ นัยน์ตากลมโตหยาดเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ ใช้ปลายนิ้วลากสัมผัสตามลอนกล้ามเนื้อเรียงตัวสวยอย่างใคร่สงสัย เสียงทุ้มขบกรามครางในลำคอ ลูบไล้ขาเรียวที่แปรเปลี่ยนจากหางเพราะน้ำที่เหือดแห้ง ประคองสะโพกมนแหวกขาทั้งสองข้างให้นั่งคร่อมร่างกายของตน

ไล่ปลายนิ้วหนาผ่านแผ่นหลังบาง ฝังจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมรัญจวนจากซอกคอกรุ่น เอ่ยกระซิบจากความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ “ข้ารักเจ้า... รักเจ้าจนสุดหัวใจ

แบมแบมไม่อาจตอบได้ แต่เข้าใจทุกสิ่ง ใบหน้าสวยหวานพยักหน้าเป็นการตอบรับ มือหนาบีบเค้นผิวเนียนทุกสัดส่วน เลื่อนมือลงต่ำสัมผัสก้อนเนื้อบีบเบาๆให้ร่างเล็กสะดุ้ง ใช้นิ้วมือวนช่องทางรักจนเจ้าของร่างกายครางสั่นไม่เป็นภาษาพยายามเขยิบร่างกายโดยไม่รู้เลยว่าเพิ่มความปรารถนาให้ใครอีกคน ปลายนิ้วชำแรกทางรัก ขยับนิ้วเข้าออกกระตุ้นอารมณ์ สติสัมปชัญญะขาวโพลน มีสัญชาตญาณขยับร่างกายตามแรงปรารถนา

ใบหน้าสวยหวานดั่งโฉมสะคราญ ตากลมโตหยาดเยิ้ม เสียงหวานแหบที่ครางสั่น เม็ดเหงื่อผุดตามร่างกายเพิ่มความเย้ายวนยั่วอารมณ์ มือหนาปลดเข็มขัด ปลดกางเกง ประคองแบมแบมถอนเรียวนิ้วออกจากร่างกายก่อนจะแทรกร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน

“...อะ อึก” แขนเรียวกอดร่างสูงแน่น จิกเล็บบนแผ่นหลังแกร่งระบายความคับแน่นแสนอึดอัด มาร์คค่อยๆกดสะโพกมน ปลอบประโลมคนที่ไม่เคยชิน เพิ่มสัมผัส ปลุกเร้าช้าๆ ขยับร่างกายหลอมละลายซึ่งกันและกัน ขาเรียวเกี่ยวเอวหนาหาที่ยึดเหนี่ยว กอดร่างสูงแน่นไม่หนีไปไหน

นัยน์ตาคมเสน่หา สายตากลมโตหยาดเยิ้มสบประสานกันและกัน ถ่ายทอดความรู้สึกที่มากกว่าคำพูด ใช้สายตาและหัวใจสื่อสาร

อยากใกล้ชิด... อยากอยู่ใกล้...
อยากใช้เวลา อยากอยู่ด้วยกัน มีกันและกันตลอดไป...
...ดั่งเช่นชั่วนิจนิรันดร์                    


ฝากกลับไปคอมเมนต์ที่ด้วยค่ะhttp://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1291187&chapter=7




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น