ESTRAIE 03
แบมแบมสะลึมสะลือตื่น มองซ้ายขวาหลังจากเขาหลับมาตลอดทาง มาร์คกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมตัวลงจากรถ
“อ้าว ตื่นแล้วหรอ? กำลังจะปลุกเลย”
“นี่ที่ไหนเนี่ย?” แบมแบมถาม สะบัดหัวไปมาเบาๆเรียกสติ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้อ่านป้ายบอกทางเลย” แบมแบมอยากจะทั้งขำและเอือมไปพร้อมๆกันแต่ก็ไม่รู้ว่าอาการที่ว่าควรจะแสดงออกยังไง
มาร์คเห็นท่าทางของแบมแบมแบบนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาก่อนพูดต่อ “ฉันพูดจริงๆ ฉันก็แค่ขับมาเรื่อยๆ อยากจอดที่ไหนก็จอด ฉันไม่ได้สนใจอย่างอื่นอยู่แล้ว เพราะฉันสนใจนายมากที่สุด”
“ปากหวาน” แบมแบมว่าด้วยน้ำเสียงหยอกๆ
“ฉันพูดจริงๆ ในหัวฉันก็แค่คิดว่าขับไปที่ไหนก็ได้ไกลๆที่ไม่มีใครรู้จักฉันกับนายก็แค่นั้น” มาร์คเปิดประตูรถฝั่งตัวเองหลังพูดจบ เห็นดั่งนั้นแบมแบมก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองเก็บข้าวของเครื่องใช้ของตนใส่กระเป๋าแล้วลงจากรถไปบ้าง
แบมแบมพึ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกเต็มทีแล้ว มาร์คคงขับรถมาไกลมากจริงๆ แบมแบมกวาดสายตาสำรวจบริเวณรอบๆ ตึกรามบ้านช่องกลิ่นอายวิคตอเรียจัดๆ ปนความโมเดิร์นเพียงนิด บนถนนมีรถราขับผ่านบ้าง ด้านข้างสถานที่ที่รถของมาร์คจอดอยู่คือตึกสูงสี่ชั้น(ซึ่งแบมแบมคิดว่ามันสูงที่สุดในละแวกนี้แล้ว)ก่อจากอิฐสีแดงที่เริ่มซีดจางไปตามกาลเวลา หน้าต่างด้านข้างทรงแคบสูง ถูกครอบด้วยเสาปูนแบบฉบับกรีกโบราณที่มีความเป็นอังกฤษอยู่นิดๆ ช่องระบายอากาศฉลุลวดลาดเล็กๆลักษณะใกล้เคียงผ้าลูกไม้ ซึ่งมองด้วยสายตาก็พอรู้ว่าเป็นงานฝีมือที่ละเอียดแค่ไหน
แบมแบมตัดสินใจเลิกสำรวจอาคารนั้นเมื่อมาร์คเรียกชื่อเขาหลังจากปิดกระโปรงรถด้านหลังลง “ไปกันเถอะแบมแบม ฉันถามคนแถวนี้มา เขาบอกว่าที่นี่เป็นที่พักที่ดีที่สุดในเมืองแล้ว”
“ก็ไม่แปลกหรอก ดูจากภายนอกน่ะนะ แต่ภายในจะดีสมราคาคุยไหมคงต้องดูอีกที” แบมแบมว่าเย้าขณะเดินไปที่ทางเข้าของตัวอาคารนำหน้ามาร์คที่ถือกระเป๋าสองใบทั้งของตัวเองและของแบมแบมอยู่
มาร์คไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินตามแบมแบมเข้าไปในที่พักเท่านั้น
มองเพียงด้านข้างแบมแบมว่าที่นี่ก็สวยแล้ว แต่เมื่อได้มามองจากด้านหน้าก็ทำเอาเขาอึ้งไปไม่น้อย
แบมแบมเดินผ่านประตูโค้งทรงสูงเข้าไปยังประตูกระจกก่อนดันมันเข้าไป อากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศและกลิ่นดอกไม้แห้งลอยมาปะทะทันที ไฟดาวน์ไลท์สีส้มนวลช่วยขับความขลังของของตกแต่งสไตล์วิคตอเรียตามทางเดินได้อย่างดีรวมไปถึงพรมสีแดงเลือดหมูที่ปูตรงไปที่รีเซปชั่นด้านในด้วย
เขาและมาร์คเดินไปที่รีเซปชั่น มาร์คจัดการติดต่อเรื่องห้องในขณะที่แบมแบมยังคงดื่มด่ำกับบรรยากาศภายในของโรงแรมแห่งนี้
มาร์คหย่อนกุญแจดอกเล็กสีทองสวยที่พึ่งได้รับจากรีเซปชั่นเมื่อซักครู่เข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหันไปสะกิดเรียกแบมแบมให้เดินตามไปที่ลิฟต์ในขณะที่กระเป๋าของพวกเขากำลังถูกลำเลียงขึ้นด้านบนโดยเบลล์บอยสองคน
เสียงติ๊งดังขึ้นเมื่อลิฟต์นำมาร์คและแบมแบมมาถึงชั้นจุดหมาย มาร์คเดินนำแบมแบมไปที่หน้าประตูห้อง ใช้เท้าเขี่ยกระเป๋าเดินทางของพวกเขาที่วางอยู่หน้าห้องให้พ้นทางก่อนจะเสียบกุญแจเข้าไป ดันประตูห้องให้เปิดออก ผายมือเป็นเชิงให้แบมแบมเดินเข้าไปก่อน
“โว้ว” แบมแบมอุทานออกมาเมื่อเห็นภายในห้อง
ห้องพักสไตล์วิคตอเรียแบบเดียวกับตัวอาคาร ผนังสีเหลืองครีมหม่น พื้นห้องปูด้วยพรมสีน้ำตาลตุ่น เตียงสี่เสาที่กลางห้อง ซ้ายมือของเตียงมีชุดโซฟาโทนสีเดียวกันและโต๊ะกาแฟตั้งอยู่ ทางขวามือของเตียงเป็นหน้าต่างบานขนาดกลางเรียงต่อๆกัน มีผ้าม่านผืนโปร่งสีขาวบางๆกั้นไว้ ส่วนอีกฟากของห้องมีประตูที่เชื่อมไปยังห้องน้ำอยู่
“ดีสมราคาคุยเหมือนกันนะเนี่ย” มาร์คว่าบ้างเมื่อห้องพักของพวกเขาประจักษ์แก่สายตา
แม้ว่ามาร์คจะยังคงพูดและสาธยายถึงความสวยงามของห้องนี้ แบมแบมก็หาได้สนใจ เขาสะบัดสนีกเกอร์ของตัวเองออกแล้วกระโดดขึ้นเตียงสี่เสาทันที ดวงตาสวยหลับพริ้ม แม้ว่าจะนอนบนรถมามากแล้ว แต่การต้องนั่งตัวงอบนนั้นก็ทำให้เขาปวดเมื่อยตามร่างกายอยู่ไม่น้อย การได้นอนเหยียดตัวบนเตียงนุ่มๆ อากาศอุณภูมิสบายๆ และผ้าห่มดีๆซักผืนคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้
“โอ้ย สบายชะมัด”
แบมแบมครางออกมา
มาร์คหัวเราะเมื่อเห็นสภาพของแบมแบม เขาถอดรองเท้าตัวเองก่อนเดินไปนั่งบนเตียงบ้าง
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำตัวเหมือนคนแก่ไปได้” มาร์คแซว
“ก็มันเมื่อยนิ” แบมแบมเถียงทั้งๆที่ยังหลับตาซุกตัวอยู่บนเตียง
“แล้วฉันที่ขับรถมาตลอดทางไม่น่าสงสารกว่าหรอ?”
“ก็ผมบอกจะขับแทนแล้วแต่คุ--” แบมแบมยังพูดไม่ทันจบมาร์คก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“จุ๊ๆ ไม่เอานอกจากจะทำตัวเหมือนแล้วยังบ่นเหมือนคนแก่อีกหรอ” มาร์คหัวเราะในลำคอ ลุกจากเตียงไปทางห้องน้ำ “ฉันจะยอมให้นายนอนไปก่อนในระหว่างที่ฉันไปอาบน้ำ แล้วเราจะออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนนนนน ไม่เอาาาาาาา อยากนอนนนนนน” แบมแบมโอดครวญจนมาร์คอดที่จะส่ายหัวไม่ได้
“ไม่มีแต่ ทริปนี้ฉันเป็นคนจัดนะ นายต้องทำตามฉัน” ไม่มีเสียงตอบรับจากแบมแบมหลังจบประโยค เดาได้ไม่ยากว่าคงจะบ่นอะไรงุบงิบอยู่คนเดียวเป็นแน่แท้
“เป็นวัยรุ่นน่ะ... มันต้องมีnightlifeกันบ้างแบมแบม”
แสงไฟสลัวๆ เสียงเพลงดังๆ กลิ่นควันบุหรี่และแอลกอฮอลล์คือสิ่งที่เข้ามาทักทายแบมแบมตั้งแต่ก้าวแรกที่พ้นประตูเข้ามา
“คืนวันเสาร์คนเยอะเป็นบ้า” มาร์คหันมาบ่นกับแบมแบม
“ช่วยไม่ได้... ใครที่ไหนไม่รู้บอกว่าวัยรุ่นน่ะมันก็ต้องมีnightlifeกันบ้าง” แบมแบมดัดเสียงล้อเลียนมาร์ค ตอนนี้ความปวดเมื่อและง่วงงุนของเขาหายไปหมดหลังจากการอาบน้ำชำระร่างกายที่โรงแรม
มาร์คไม่ได้เถียงกลับ เขาทำเพียงอมยิ้มและชี้หน้าคาดโทษคนตัวเล็กน้อยๆก่อนจับจูงข้อมือบางเพื่อเดินหาที่นั่ง โชคดีที่มีโต๊ะเล็กๆในมุมนึงของไนท์คลับว่างอยู่พอดี ทั้งสองจึงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจัดแจงสั่งเครื่องดื่มกันคนละอย่าง
“คิดยังไงพาผมออกมา?” แบมแบมถาม นั่งเท้าคางไว้บนฝ่าผือข้างหนึ่ง
“พาออกมาเปิดหูเปิดตาไง ตั้งแต่นายมาอยู่ที่นี่เคยมาที่แบบนี้บ้างไหม?” แบมแบมเลิกคิ้วเมื่อมาร์คพูดจบ อดที่จะหัวเราะออกมานิดๆอย่างเสียไม่ได้
“นี่ผมดูอ่อนต่อโลกมากหรอ? หรือดูเป็นเด็กเรียบร้อย?” แบมแบมว่า หันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากบริกรที่นำมาเสิร์ฟพอดีก่อนหันมาคุยกับมาร์คต่อ “เคยมาอยู่สองสามครั้งครับตั้งแต่อยู่ที่นี่ แต่ถ้าที่ไทยน่ะ... นับไม่ถ้วน”
มาร์คทำหน้าไม่เชื่อก่อนระเบิดหัวเราะออกมา โชคดีที่เสียงเพลงในนี้ดังจนไม่มีใครคิดจะหันมาสนใจเขา นอกจากแบมแบมที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน
“SERIOUSLY?” มาร์คถาม
“SERIOUSLY!” แบมแบมตอบกลับ
“อย่างนี้แผนมอมนายของฉันคงต้องพับเก็บสินะ” มาร์คยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบหลังจากพูดจบ
แบมแบมอมยิ้ม ใช้นิ้ววนบนขอบแก้วตัวเองเล่นอย่างคนไม่มีอะไรทำไปด้วย “ชอบเที่ยวก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนคอแข็งนะ จริงไหม?”
“นี่เมาจริงรึเปล่าเนี่ย?” มาร์คถามยิ้มๆแต่ก็เลื่อนมือไปกอดไหล่อีกคนให้เข้ามาใกล้มากขึ้น เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเข้าวันใหม่แล้ว
เขาก้มลงมองแบมแบม ดวงตากลมเยิ้มนิดๆ ดูท่าทางแล้วถ้าไม่เมาก็...เมามาก
“เมาจริงๆ แต่ยังไม่เท่าไหร่ ไหวอยู่” แบมแบมว่า หัวเราะคิกคัก มือก็ยกเครื่องดื่มในมือจิบเรื่อยๆ
“ถ้าเมาก็ปล่อยให้นอนที่นี่แหละ ฉันไม่แบกนายกลับหรอก” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่มาร์คกลับกระชับอ้อมกอดให้แบมแบมขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น กดสันจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างหยอกล้อ
“จริงหรอ?” แบมแบมถาม “จะใจร้ายทิ้งให้นอนนี่จริงหรอ?” แก้วแอลกอฮอลล์ถูกละความสนใจ ฝ่ามือของมาร์คกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของแบมแบม มือนุ่มจับหมับเข้าที่มือของมาร์ค ไล่สอดนิ้วประสานนิ้วไปจนครบ
“ไหนบอกว่าสนใจผมไง? ทำไมจะทิ้งกันง่ายจัง” แบมแบมถามด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีแววโกรธเคืองหรือน้อยใจเจือมาเลยแม้แต่น้อย
“ล้อเล่นหน่า” มือที่ว่างยกขึ้นมาขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆส่วนอีกข้างก็พลิกขึ้นมากุมมือของแบมแบมไว้แทน นิ้วโป้งไล้ที่หลังมือเนียนเป็นการง้อ
“จริงนะ?”
“จริง ไม่จริง”
“เอ๊ะ...” แบมแบมขมวดคิ้ว สับสนกับคำตอบของมาร์ค นี่มาร์ค ต้วนกำลังกวนเขาหรือเขาเมาจนเบลอไปเองกันแน่
“ที่บอกว่าจะทิ้งให้นายนอนที่นี่เป็นเรื่องไม่จริง ส่วนที่บอกว่าล้อเล่นเป็นเรื่องจริง” มาร์คอธิบายให้แบมแบมฟังพร้อมหัวเราะไปด้วย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแกล้งอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้าเมาๆงงๆกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมก็สงสาร เลยล้มเลิกแผนการแกล้งศิษย์คนโปรดลง
“ดีแล้ว น่ารักมาก อย่าทิ้งให้นอนที่นี่นะไม่เอา” คำตอบของแบมแบมทำเอามาร์คหลุดดขำอีกรอบ ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายแบมแบมน่าจะสูงอยู่พอตัว จึงทำให้การพูดจาของอีกคนเปลี่ยนไปขนาดนี้
“โอเคครับโอเค”
“มาร์คน่ารัก มาร์คไม่ทิ้งแบม” สรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปทำให้มาร์คเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบที่แบมแบมแทนตัวเองแบบนี้มากกว่าการแทนด้วยคุณๆผมๆแบบที่เจ้าตัวชอบใช้บ่อยๆ
“น่ารักแล้วได้อะไรไหม?” มาร์คฉวยโอกาสเมื่ออีกคนไม่ค่อยจะมีสติจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์
“อยากได้อะไรล่ะ?” คนตัวเล็กถามกลับ บิดมือออกจากการจับกุมของมาร์คแล้วค่อยๆใช้นิ้วลากไล้บนฝ่ามือหนาช้าๆ
“…” มาร์คไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงโอบเอวอีกคนเข้ามาใกล้... ใกล้จนลมหายใจรินรดกัน มืออีกข้างก็ค่อยๆย้ายไปวางหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกสวย ทว่าแบมแบมไหวตัวทัน เขาเอื้อมมือจับข้อมือมาร์คด้วยความเร็วจนมาร์คกระตุกยิ้มกับปฎิกิริยาของแบมแบม
“ตอบคำถามสิ” แบมแบมว่า จ้องไปในดวงตาของมาร์ค มุมปากกระตุกยิ้มจาง
“ถ้าไม่ขอ?”
“ก็ไม่ได้” แบมแบมตอบด้วยความรวดเร็ว
“โอเค... โอเค” เสียงมาร์คอ่อนลง ยกมือสองข้างขึ้นในระดับใบหน้าตัวเอง เขายอมแพ้
ซะเมื่อไหร่
ใบหน้าของมาร์คขยับประชิดของแบมแบมจนริมฝีปากเกือบจรดกัน ลมหายใจร้อนรินรด แบมแบมรู้สึกหวิวในช่องท้องแม้ว่าตอนนี้มาร์คจะไม่ได้แตะตัวเขาเลยซักนิด
ดวงตาสองคู่ประสานกันก่อนมาร์คจะยกยิ้มขึ้นน้อยๆ กระซิบชิดริมฝีปากบางจนปากสัมผัสกันเบาๆ
“อยากได้หรอ? ...อืม”
มาร์คแกล้งเขา
“อยากได้นายไง”
แผ่นหลังของแบมแบมกระแทกกับผนังห้องน้ำอย่างแรงแต่เจ้าตัวก็หาได้สนใจไม่เพราะบุคคลตรงหน้าได้ดึงความสนใจของเขาไปหมดแล้ว
มาร์คถอนปากออก ใช้นิ้วโป้งปาดที่มุมปากแบมแบมเบาๆ แบมแบมหอบหายใจ เหงื่อเริ่มซึมน้อยๆ แม้เขาจะพึ่งเดินพ้นบริเวณที่มีเครื่องปรับอากาศมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ริมฝีปากของมาร์คกดลงมาอีกครั้งโดยที่แบมแบมไม่ทันตั้งตัว ขบเม้ม ดูดดึง จนริมฝีปากของเขาขึ้นสีแดงจัด ลิ้นร้อนกวาดต้อนเข้ามาด้านใน แบมแบมพยายามตอบกลับ เขาไม่ใช่พวกไม่ประสีประสา นั่นแหละ... เขาชอบเที่ยว เขาเคยผ่านประสบการณ์มา แต่กับมาร์ค เขากลายเป็นไอ้อ่อน
โธ่... แบมแบม
เขาจิกมือลงไปบนไหล่มาร์คอย่างแรงจนมาร์คต้องถอยใบหน้าออกมา แบมแบมรีบกอบโกยอากาศหายใจเข้าปอดจนเกือบสำลัก
แข้งขาแบมแบมอ่อนแรงเมื่อมาร์คเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากไปที่ลำคอแทน แบมแบมเงยหน้าให้อีกคนเชยชมตัวเองได้ถนัดขึ้น ทุกๆอย่างถูกพาไปด้วยอารมณ์ที่แบมแบมไม่สามารถควบคุมได้ มาร์คใช้สันจมูกไล้ไปตามลำคอขาว ดูดดุนจนขึ้นรอยจางๆ
แบมแบมตาปรือ ส่งเสียงเครือในลำคอเป็นระยะๆ ใช้มือเล็กลูบไปตามแผ่นหลังแข็งแรงของมาร์คก่อนย้ายมาปลดเข็มขัดอีกคนแทน
ในเมื่อกระดุมเสื้อของเขาหลุดหมดทุกเม็ดแล้ว... เข็มขัดอีกคนหลุดบ้างก็... เท่าเทียมดี
มาร์คเผลอกระตุกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงแกร๊งและสัมผัสยุกยิกจากมือของแบมแบมแต่ก็ยังคงไม่หยุดที่จะลากไล้ริมฝีปากไปตามผิวเนียนบาง ลำคอ ไหปลาร้า แผ่นอก หน้าท้อง
ต่ำลง…
ต่ำลงมาเรื่อยๆ…
สกินนี่ยีนส์สีซีดตัวเล็กถูกถอดออก มาร์ควกใบหน้ากลับขึ้นมาจูบแบมแบมอีกครั้งในขณะที่มือก็ค่อยๆนวดคลึงไปตามต้นขาด้านใน แม้ว่าปากของแบมแบมจะถูกปิดด้วยปากของมาร์คอยู่แต่เสียงครางก็ยังคงดังออกมาให้ได้ยิน เขากำมือลงกับต้นแขนที่มีมัดกล้ามแน่น เมื่อมาร์คปัดผ่านส่วนอ่อนไหวของเขาอย่างจงใจ
“อา...” แบมแบมครางออกมาอย่างเหลืออด
"อย่าทำแบบนี้..." มาร์คพูดเสียงแหบพร่าติดริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการจูบของแบมแบม
"อย่าทำแบบนี้... เพราะฉันจะทนไม่ได้แบมแบม”
จบประโยคของมาร์คแบมแบมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แทรกเข้ามาในตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างก่อนจะหวีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
ริมฝีปากของมาร์คพรมจูบที่ต้นคอบาง ไล่ลงมาที่ยอดอกสีหวาน กดจูบ ดูดเม้ม ดึงความสนใจของแบมแบมกลับมาจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
ความร้อนจากร่างกายของมาร์คถูกถ่ายทอดมาที่แบมแบมโดยตรง ไม่มีการเบิกทาง ไม่มีการผ่อนแรง แบมแบมจิกเล็บแน่นกับบ่ากว้าง ขบริมฝีปากตนเองจนห้อเลือดบรรเทาความจุกที่เกิดขึ้น
มาร์คยังคงเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนลงแม้แต่น้อย เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องอยู่ในห้องน้ำ รวมไปถึงเสียงครางของแบมแบมที่เริ่มเล็ดรอดออกมาเนื่องจากความเจ็บและจุกในตอนแรกค่อยๆบรรเทาลงและถูกความเสียวกระสันเข้ามาแทนที่
บทเพลงรักยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เสื้อเชิ้ตที่ติดตัวแบมแบมในตอนแรกถูกกระชากออกด้วยฝีมือของมาร์คเป็นที่เรียบร้อย เขาหอบหายใจอย่างหนัก หยัดแผ่นหลังและสะโพกขึ้นเมื่อมาร์คกระแทกตัวเข้ามาสุดแรงและในตอนนั้นเองแบมแบมปลดปล่อยออกมาพร้อมกับความอุ่นวาบที่แล่นเข้ามาตัวของเขา
มาร์คถอนตัวออกพร้อมหอบหายใจ แบมแบมก็เช่นกัน เขาเห็นเหงื่อบนใบหน้าของมาร์คไหลมารวมกันที่ปลายคางก่อนจะค่อยๆหยดลงมาตามแรงโน้มถ่วง
“แบมแบม...” มาร์คเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแหบพร่ากดจูบที่ข้างขมับชื้นเหงื่อของเขา
“แบมแบม...” ก่อนกดจูบที่ปลายจมูกของเขา
“แบมแบม...” และจบลงที่ริมฝีปากของเขา
แบมแบมตื่นขึ้นมาในตอนที่แสงแดดลอดเข้ามาในห้องมากกว่าที่ควรจะเป็น ตากลมหยีตามองนาฬิกาก็พบว่านี่เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว
อยากนอนต่อเป็นบ้า แบมแบมโอดครวญในใจแต่ก็เป็นไปไม่ได้เมื่อเขาต้องเช็คเอาท์ก่อนบ่ายโมงตรง สัมภาระยังไม่ได้เก็บแถมเขายังไม่ได้อาบน้ำอีกต่างหาก
ร่างบางยันตัวขึ้นจากเตียง หันไปก็พบมาร์คที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องพัก
“ตื่นแล้วหรอ?” มาร์คล็อคโทรศัพท์ โยนส่งๆไว้บนโต๊ะกาแฟก่อนหันมาคุยกับแบมแบม
“ยังไม่ตื่น” แบมแบมตอบ
“กวนนะเรา เดี๋ยวจะเจอแบบเมื่อคืนอีก” จบประโยคของมาร์คแบมแบมหันหน้าหนี มนุษย์ประเภทไหนเขาให้พูดเรื่องนี้ตั้งแต่ตื่นมาเจอหน้ากันหรอ!? มาร์ค ต้วนนี่มัน!
“อย่าทำหน้าแบบนั้นแต่เช้าสิ” มาร์คว่ากลั้วเสียงหัวเราะ
“ช่วยไม่ได้ใครเป็นต้นเหตุล่ะ” แบมแบมเบะปาก ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งหมั่นไส้ไปพร้อมๆกัน
“ไม่เอาไม่เถียงสิ ไปอาบน้ำแล้วมาเก็บของไป เดี๋ยวเช็คเอาท์ไม่ทัน” เมื่อมาร์คว่าแบบนั้น แบมแบมจึงลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องน้ำโดยไม่ลืมที่จะคว้าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเข้าไปด้วย
“แบมแบม”
เสียงเรียกชื่อทำให้แบมแบมที่กำลังจะปิดประตูห้องน้ำชะงักมือตัวเองลง
“อะไร?”
“ให้ช่วยอาบมั้ย?”
ไม่มีคำตอบจากลูกศิษย์คนโปรดหลังจบคำถาม มีเพียงเสียงกระแทกปิดประตูห้องน้ำที่ดังลั่นจนนกพิราบที่เกาะอยู่ริมหน้าต่างบินหนีกันให้จ้าละหวั่นเท่านั้น
กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่แบมแบมเริ่มคุ้นชินอบอวลอยู่รอบตัว ฟอร์ดฟิวชั่นสีดำสนิทของมาร์คกำลังพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่เร่งรีบ
พวกเขากำลังเดินทางกลับ.. กลับไปสู่สถานที่เดิมๆ กลับไปหาคนเดิมๆ กลับไปอยู่ในสภาพแบบเดิมๆ
ศาสตราจารย์มาร์ค อี้เอิน ต้วนและนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ปี 2 กันต์พิมุกต์ ภูวกุล
คิดได้ดังนั้นแบมแบมก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“คิดเรื่องอะไรอยู่? ถอนหายใจซะหมดอาลัยตายอยากเชียว” มาร์คพูดทั้งที่ยังมองไปบนถนนด้านหน้า
“มีเรื่องอื่นให้คิดด้วยหรอ?” แบมแบมหันมาหาสารถีจำเป็นก่อนยิงคำถามมลองเชิงอีกคน
“มีเรื่องให้คิดตั้งมากมาย เช่น...”
มาร์คเว้นช่วง ทำหน้าครุ่นคิดจนแบมแบมอยากจะเตะเข้าซักที ถ้าไม่ติดว่าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อน่ะนะ “อืม... เช่น หนึ่ง นายจะตอบคำถามรูมเมทนายหรือเรียกให้ถูก บ๊อบบี้คิมหนึ่งในนักเรียนที่ฉันเป็นที่ปรึกษาให้ว่าสุดสัปดาห์นี้หายไปไหนและไปกับใครยังไงดี หรือ สอง วันนี้จะกลับดึกแค่ไหนแล้วพรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนทันมั้ย...”
“หมดรึยัง?” แบมแบมถาม กรอกตาให้กับความกวนของมาร์คอย่างรำคาญนิดๆ ใช่เวลาเล่นไหมนั่น!
“สุดท้ายละ นายอาจจะคิดอยู่ว่าจะทำเปเปอร์วิชาจิตวิทยาให้ทันส่งอาจารย์ประจำวิชาแสนใจร้ายได้ยังไง เพราะเขาจะไม่ยอมเลื่อนวันส่งให้นักเรียนตัวแสบอย่างนายแน่ๆ”
“คุณนี่มันร้ายกาจ...” ว่าอีกด้วยน้ำเสียงค่อนขอดแล้วหรี่ตามองมาร์คอย่างหมั่นไส้
“แม้ว่าฉันจะร้ายกาจแต่นายก็เลือกที่จะไว้ใจฉันอยู่ดี” ไหล่กว้างตั้งขึ้นด้วยความภูมิใจ มาร์คทำหน้าเสมือนเป็นทหารที่ชนะสงครามโลกก็ไม่ปาน
ไว้ใจ...หรอ?
แบมแบมทำเพียงแค่ครางรับในลำคอเท่านั้น ดวงตาสวยใต้แว่นกันแดดผินออกไปมองวิวทิวทัศน์ข้างทาง “บางที...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
มาร์คนิ่งเงียบตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูด
“บางทีที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้...”
กันต์พิมุกต์ ภูวกุล คือชื่อของเขา เด็กผู้ชายที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
เขาจำได้ว่าเขาเป็นลูกคนเดียว เขาจำได้ว่าเขาถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจสุดๆ เขาจำได้ว่าเขาได้เรียนในโรงเรียนนานาชาติดีๆมาตั้งแต่เตรียมอนุบาล เขาจำได้ว่าพ่อและแม่ของเขาไม่เคยให้เขาต้องเงินขาดมือ เขาจำได้ว่าครอบครัวของเขาประกอบธุรกิจร้านอาหารที่มีเฟรนไชน์เยอะที่สุดในประเทศไทยและเอเชีย เขาจำได้ว่าแม่เขาทำอาหารเก่งมาก
แต่เขาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้กินอาหารฝีมือแม่คือตอนไหน...
เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทุกคนคือตอนไหน
ไม่มีใครสนใจเขา ไม่มีใครใส่ใจจะถามว่าวันนี้เป็นยังไง ที่โรงเรียนสนุกไหม เพื่อนลูกเป็นยังไงบ้าง ผลสอบวิชานี้ออกรึยัง ไม่มีคำชมในยามที่เขาได้ดี ไม่มี... ไม่มีซักอย่าง
ที่เขามีก็คง เงิน บ้าน รถ ป้าแม่บ้าน แล้วก็นามสกุลภูวกุลที่ห้อยท้ายมานี่ล่ะมั้ง
น่าตลกดีที่พ่อและแม่สามารถให้เขาได้ทุกอย่างยกเว้นความอบอุ่นและเวลาที่ครอบครัวจะใช้ร่วมกัน
“บางทีที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้... อาจจะเป็นเพราะผมขาดความอบอุ่นแล้วก็...เรียกร้องความสนใจล่ะมั้ง”
"ทำเสียงเศร้าเชียว" มาร์คเอื้อมมือข้างซ้ายมาขยี้หัวแบมแบม ในขณะที่มือขวายังคงบังคับพวงมาลัยอยู่
"..."
"ไม่เป็นไรนะแบมแบม”
"..."
"ฉันมีความอบอุ่นและความสนใจให้นายเกินร้อยเลยล่ะ"
กลับไปคอมเมนต์ได้ที่>>> http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1291187&chapter=30
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น