เปลือกตาบางค่อยๆหรี่พับลงเรื่อยๆ
ใบหน้าที่วางรองอยู่บนมือค่อยๆตกลง
เสียงของอาจารย์ที่กำลังบรรยายการตัดกันของกราฟดีมานด์และซัพพลายไม่ได้เข้าหูเขาเลยซักนิด
แบมแบมเป็นแบบนี้มาได้ซักพักแล้ว
เนื่องจากเมื่อวานกว่าจะกลับถึงแมนชั่นก็เกือบเที่ยงคืน กว่าจะอาบน้ำใหม่เตรียมตัวเข้านอนก็ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขานอนไม่หลับ
พอเขาเล่าเรื่องของไดแอนให้มาร์คฟังก็เหมือนเป็นการรีเพลย์วิดีโอในความทรงจำตัวเองอีกรอบ
กว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่เข้าไปแล้ว
และเพราะเหตุนี้แบมแบมจึงมีสภาพอย่างที่เห็น
แม้จะไม่ได้มีเรียนตอนเช้าแต่เขาก็ต้องแบกสังขารตัวเองมาที่ห้องสมุดเพื่อทำเปเปอร์วิชาจิตวิทยาเบื้องต้นที่จะต้องส่งพรุ่งนี้
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพาเขาออกไปเถลไถลแท้ๆ
แต่กลับไม่มีข้อผ่อนผันให้แม้แต่น้อย มาร์คต้วนนี่นิสัยแย่จริงๆ
แบมแบมนั่งทำเปเปอร์เรื่องความต้องการของมาสโลว์จนเสร็จ
พอตกบ่ายก็เข้ามานั่งเรียนเศรษฐศาสตร์ต่อ
แต่ความอ่อนเพลียก็เข้าโจมตีเขาอยู่เรื่อยๆ
แบมแบมหันมองนาฬิกาข้อมือตัวเองด้วยดวงตาเบลอๆ
อีกสองชั่วโมงครึ่งจึงจะหมดคาบ เมื่อเห็นดังนั้นแบมแบมก็ค่อยๆไถลตัวลงจากเก้าอี้เลคเชอร์อย่างแนบเนียน
ด้วยความที่ห้องเลคเชอร์เป็นห้องขนาดกลางที่มีการจัดที่นั่งเป็นแบบขั้นบันได
มีที่กั้น กั้นแต่ละชั้นไว้ ทำให้ไม่มีคนเห็นว่าเขากำลังจะแอบหลับ
ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นเสร็จสรรพก็หันหน้าเข้าหาเก้าอี้ก่อนฟุบลงไปบนนั้น
ไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้เก้าอี้ตัวนี้จะผ่านก้นใครมากี่คน
แต่ตอนนี้แบมแบมง่วงมากจริงๆ
คิดได้แค่นั้นก่อนทุกๆอย่างจะดับวูบลง
“คิดจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? คนอย่างคุณลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก”
“ไม่นาน? แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็เกือบปีแล้วหนิ?” เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้แบมแบมได้สติ
เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองนาฬิกาข้อมือของตนเอง อ่า... นี่มันหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว เขาเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเชียว
แถมเพื่อนยังทิ้งเขาไว้ในห้องเรียนอีก ช่างเป็นเพื่อนที่ดี
“อย่าให้ฉันต้องเปิดโปงความชั่วของคุณ”
“แล้วคิดว่าจะมีใครเชื่อเธอไหม?” แบมแบมที่กำลังมีความคิดจะลุกออกไปจากตรงที่เขานอนอยู่เป็นอันต้องชะงักเมื่อน้ำเสียงของคนที่สนทนากันอยู่เป็นน้ำเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“มาร์ค ฉันอยากให้ไดแอนเป็นคนสุดท้าย” น้ำเสียงนั้นร้องขอ วิงวอน
“เธอก็รู้ว่าฉันหยุดไม่ได้เคท”
ดวงตาของแบมแบมกรอกซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด
มาร์ครู้จักกับเคท?
แถมเมื่อกี้นี้เคทพึ่งจะพูดถึงไดแอน อะไรกัน ...
“แบมแบมเป็นผู้ชาย” เสียงของมาร์ค
“แล้วยังไง! ต่อให้เขาท้องไม่ได้
เขาก็ยังเป็นลูกศิษย์คุณ สำนึกผิดชอบชั่วดีของคุณมันหายไปไหนหมดหรอมาร์ค!?” เคทตะโกนอย่างเหลืออด ไม่กังวลว่าจะมีใครมาได้ยิน
เวลาหกโมงสำหรับคณะบริหารก็เรียกว่าแทบจะปิดตึกได้อยู่แล้ว
“ฉันจำเป็นจะต้องรู้สึกถึงความรู้สึกนั้นด้วยหรอ
ในเมื่อฉันเองก็ไม่เคยได้รับมันเลย” ห้องเรียนตกอยู่ในความสงบอีกครั้ง
แบมแบมที่แอบที่นั่งหันหลังชนกับที่กั้นระหว่างชั้นที่นั่งถึงกับกลั้นหายใจ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุยเคยเจออะไรมา
แต่คุณก็สมควรให้มันหยุดอยู่ที่คุณ”
“ก็ในเมื่อฉันไม่อยากหยุด” มาร์คสวนกลับ
“มาร์ค!” เสียงของเคทแหวขึ้นอีกครั้ง
“คุณแอบคบกับไดแอน คุณทำเธอท้อง และคุณฆ่าเด็กคนนั้น
คนที่เป็นลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ ลูกของคุณ!” แบมแบมดวงตาเบิกกว้างเมื่อความคิดบางอย่างลอยเข้ามาในหัว
“กูรู้ชื่อเขา
แต่กูไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยเหมือนกันขนาดเขาสอนที่นี่มาสองปีแล้วนะ
เวลามึงไปเรียนก็ไปส่องมาหน่อยดิ...”
มาร์คสอนที่นี่มาสองปีแล้ว แปลว่าย้อนกลับไปตอนนั้น
มาร์คเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ... เรื่องของไดแอนเป็นเรื่องใหญ่
อาจส่งผลถึงชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
มีการเรียกนักศึกษาทุกคนมาชี้แจงรวมไปถึงผู้ปกครองบางส่วน ฉะนั้นไม่มีทาง...
ไม่มีทางที่มาร์คจะไม่รู้เรื่องของไดแอน
มาร์คหลอกเขา
“ฉันไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้น!!!” มาร์คตะโกน หอบหายใจจนตัวโยนแล้วตบโต๊ะดังปัง แบมแบมสะดุ้งเฮือก
ก่อนเอามือปิดปากตัวเองเมื่อตั้งสติได้
“กล้าพูดเนอะ...” เคทแค่นหัวเราะ “ใครกันนะเป็นคนเอากระติกน้ำร้อนใบนั้นมาให้ไดแอน ใครกันนะที่บอกว่าให้ไดแอนดื่มไอ้ชาบ้าๆนั่นให้หมด
ใครกัน!!!?
ตอบฉันสิมาร์ค! อี้เอิน! ต้วน!” เคทกระแทกเสียงใส่มาร์คทีละประโยคอย่างเหลืออด
แบมแบมไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีแต่ตอนนี้ลำคอของเขาตีบตันไปหมด
กระบอกตาและจมูกเริ่มร้อน เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
ฟันขาวขบลงที่ริมฝีปากตนจนห้อเลือด กล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดของตนเข้าไป
มือทั้งสองข้างเริ่มเกร็งจิกเข้าอย่างไม่รู้ตัว
“ใครหรอ?... เธอไม่ใช่รึไง”
“หน้าด้าน! คุณเป็นคนจัดฉากทั้งหมด
ซื้อกระติกน้ำใบที่เหมือนกับฉันมาเพื่อป้ายความผิดให้ฉ-”
“แต่การจัดฉากของฉันก็ทำให้หลายๆคนเชื่อนะ” มาร์คพูดแทรก ยิ้มกริ่ม
น้ำเสียงไม่ได้มีความรู้สึกผิดแฝงอยู่แม้แต่น้อย
ลมหายใจเริ่มกลับเป็นปกติเมื่อเริ่มรู้สึกเป็นต่อ
เคทไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น
แต่แบมแบมได้ยินเสียงกรี๊ดในลำคอจากเธอ
“ทุกคนจะต้องรู้เรื่องนี้มาร์คต้วน!” เคทประกาศกร้าว
แบมแบมได้ยินเสียงรองเท้าเธอกระทบพื้นไม้ของห้องเรียนอย่างแรง
เคทกระชากประตูเปิดแต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป มาร์คเอ่ยขัดขึ้น
“เธอคิดว่าจะมีใครเชื่อเธอไหม?” มาร์คถามเคทเป็นรอบที่สอง จงใจตอกย้ำว่าไม่มีใครเชื่อเธอแน่ๆ
แต่ผิดคาดเมื่อเคทหันกลับมายิ้มให้เขา รอยยิ้มแสนน่าเกลียด
พูดประโยคที่ทำให้มาร์คโมโหจนสบถออกมาแล้วเตะเก้าอี้ให้ล้มลงอย่างหัวเสีย
“ใบเสร็จที่ซื้อกระติกน้ำเมื่อปีที่แล้วก่อนวันที่ไดแอนเสียวันเดียวหรือรูปคุณกับแบมแบมดีล่ะ?”
ผ่านมาซักพักแล้วหลังจากเคทเดินออกจากห้องไป แบมแบมยังคงอยู่ในที่เดิม
ท่าเดิม พยายามควบคุมลมหายใจตนเองให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เคทเดินออกไปนอกจากที่มาร์คสบถเสียงดังและเตะเก้าอี้ล้ม
แต่ที่แบมแบมรู้คือมาร์คยังอยู่ในห้อง เสียงเคาะโต๊ะเป็นจังหวะดัง ตึก ตึก ตึก
เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกได้อย่างดีว่ามาร์คยังคงไม่ไปไหน
นิ้วเรียวเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะเรื่อยๆ
มาร์คนั่งสั่นขาไม่หยุดตั้งแต่เคทเดินออกไป เขาควรจะทำยังไง? เขาควรจะทำยังไงดี? ภาพของไดแอนวนมาหลอกหลอนเขาไม่หยุดหย่อน
ภาพองแบมแบมด้วยเช่นกัน สถานณการ์ตอนนี้มันสุ่มเสี่ยงเกินกว่าจะทำอะไรแบบไม่วางแผนได้
ถ้ามีคนรู้เรื่องทั้งหมด
ชีวิตของเขาจะจบสิ้นและไม่มีโอกาสกลับมาเริ่มไหมเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว...
ตอนนั้น...
เขายังเด็ก... มาร์คต้วนเคยเป็นเด็กผู้ชายที่เช้าตื่นมาทานข้าวกับครอบครัว ไปโรงเรียน วาดภาพ
ออกไปเล่นม้าโยก นอนกลางวัน ทานของว่าง กลับบ้าน ทำการบ้านเล็กๆน้อยๆ เล่นกับหมา
พูดคุยกับพ่อแม่ว่าวันนี้ที่โรงเรียนคุณครูให้เขาทำอะไรบ้าง ดูการ์ตูน และเข้านอน
ชีวิตของมาร์คเคยเป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึงจนกระทั่งวันนั้น
เขาเล่นกับเพื่อนจนลืมเวลา เขาตกรถโรงเรียนในขณะที่เพื่อนมีแม่มารับเรียบร้อยแล้ว
มาร์คในวัยเจ็ดขวบครึ่งจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านเอง
บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่
อีกอย่างพ่อและแม่เขาก็เคยฝึกให้เขาเดินกลับบ้านเองอยู่สองสามครั้ง
มาร์คเดินฮัมเพลงที่คุณครูพึ่งสอนในคาบขับร้องระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ
หูเขาได้ยินเสียงรถขับเข้ามาใกล้ มาร์คจึงเบี่ยงตัวเดินให้ชิดด้านในเข้าไปอีก
แม้ตนจะเดินอยู่บนทางเท้าแล้วก็ตาม
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น
อะไรบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนถูกโปะลงบนจมูกของมาร์คและสติเขาก็ดับวูบไป
หลังจากนั้นเขาจำอะไรไม่ได้มาก
บ้านร้าง เก้าอี้ไม้เก่าๆที่เขาถูกผูกติดไว้
ผู้ชายที่เอาแต่สวดภาวนาสลับกับการกรีดร้องไม่หยุด เข็มฉีดยา และโลกแห่งความฝัน...
ตัวของมาร์คล่องลอยอย่บนก้อนเมฆหลากสี
สัมผัสสุนทรีย์ที่เขาไม่เคยรับรู้
เด็กเจ็ดขวบตัวน้อยกำลังหลงมัวเมาไปกับสิ่งที่ผู้ใหญ่คนนึงมอบให้ ผ้าขาวสะอาดที่กำลังถูกแต้มสีดำลงไป
มาร์คถูกดึงกลับสู่โลกแห่งความจริงด้วยเสียงเตะประตูของตำรวจสองนาย
ชายนิรนามที่เอาแต่สวดภาวนาคนนั้นถูกจับ เขาถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
พ่อและแม่วิ่งเข้ามากอดเขาไว้ทั้งน้ำตา
หลังจากวันนั้น เขามารู้ว่าชายที่จับเขาไปเป็นคนที่เสพยาเกินขนาดจนเสียสติ
มาร์คถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อพบจิตแพทย์อยู่เป็นเดือนๆ
ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ยืนยันว่ามาร์คเป็นปกติดีทั้งร่างกายและจิตใจ
แม้ผลตรวจร่างกายรอบแรกจะพบสารเสพติดที่ชื่อว่า LSD อยู่ในปริมารมาก แต่มันจะถูกขับออกไปเองในที่สุด
‘LSD
มีการเสพติดทางจิตใจเท่านั้น ไม่มีการเสพติดทางร่างกาย
และจะไม่มีอาการขาดยาทางร่างกายด้วย’ เป็นประโยคที่หมอพูดกับพ่อและแม่เขา ทำให้ทั้งคู่คลายความกังวลใจไปได้มากโข
จะไม่มีการบันทึกประวัติองมาร์คไว้ว่าเขาเคยได้รับสารชนิดนี้เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองเยาวชน
มาร์คสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติดังเดิม... ไม่สิ กลับมาใช้ชีวิตใหม่ต่างหากล่ะ
ชีวิตใหม่ที่อะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป... และมาร์ครู้... ร่างกายของเขาไม่ได้เสพติด LSD แต่จิตใจของเขา...
เสพติดมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
มาร์คลุกจากที่นั่งด้วยความรวดเร็วจนเสียงเก้าอี้ครูดพื้นดังก้องภายในห้องเลคเชอร์
ขายาวก้าวเดินออกไปช้าๆ มือจับลูกบิดประตู
มาร์คชะงักเล็กน้อยก่อนหันกับมากวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง
เช็ดความเรียบร้อยอีกรอบแล้วออกจากห้องไป
กริ๊ก
เสียงประตูงับกับวงกบ แบมแบมถอนหายใจออกมา
เขาหายใจทั่วท้องมากขึ้น มือบางถูกทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง
แบมแบมเข้าใจสถาณการณ์ทั้งหมดตอนนี้ เพียงแต่เขายังทำใจยอมรับมันไม่ได้
ทางที่ดีสิ่งที่ตอนนี้เขาต้องทำคือกลับห้องของเขา
เขาต้องกลับไปตั้งหลัก...
หลังจากนั้นอาจจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้บ๊อบบี้ฟัง
บ๊อบบี้อาจจะเกลียดเขาแต่ช่างเถอะ
ถ้ายังปล่อยให้คนอย่างมาร์คลอยนวลต่อไปมันต้องจบไม่สวยแน่ๆ
อีกอย่างแบมแบมเชื่อว่ายังไงบ๊อบบี้ก็ตัดเขาไม่ขาดอยู่ดี
แบมแบมกำลังนั่งรอเวลา... แค่ให้แน่ใจว่าเขาจะออกไปไม่เจอกับมาร์ค
ร่างบางยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นเมื่อคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว
แอบเซเล็กน้อยเมื่อเขาพึ่งรู้ตัวว่าขาเป็นตะคริว
แบมแบมกัดฟันพยุงตัวขึ้นมาด้วยการใช้เก้าอี้เลคเชอร์เป็นหลัก
ยัดข้าวของที่ยังไม่ได้เก็บใส่กระเป๋าเป้ลวกๆ ค่อยๆก้าวเินไปทางประตูห้องช้าๆ
คอนเวิร์สคู่เก่งหยุดอยู่หน้าประตู แบมแบมชะงักมือที่จับลูกบิดอยู่
ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าเขากลัว
แบมแบมหลับตาลง สะบัดหัวแรงๆ
ใช้มือข้างที่ว่างตบแปะๆลงบนแก้ม “ไม่มีอะไรหน่า” แบมแบมพึมพัมให้กำลังใจตนเอง บิดลูกบิดประตูแล้วดันมันออกไป
ทั้งๆที่แบมแบมยังยืนอยู่ที่เดิมในห้อง
ประตูเปิดออกกว้างจนสุความสามารถของมัน แบมแบมหายใจเข้าลึกๆ
ค่อยๆก้าวออกไปจากห้อง
เงยหน้ามองเงาสะท้อนของตัวเองกับกระจกหน้าต่างริมระเบียงแต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเงาที่สะท้อนกลับมาไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น
แม้จะเป็นเพียงเงาจางๆไม่ชัดเจนมากนัก เงาของมาร์ค... กำลังยืนพิงกำแพงห่างจากเขาไปเพียงนิด
มาร์คในกระจกหน้ายกยิ้มกว้างและตัวจริงก็คงกำลังยกยิ้มอยู่เช่นกัน
แบมแบมตัวแข็งทื่อ แข้งขาอ่อนแรงไปเสียเฉยๆ เหงื่อเริ่มออกตามไรผมรวมไปถึงฝ่ามือ
เขาอยากจะวิ่งหนีแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายพากันทรยศเขาในช่วงเวลาคับขัน ช่างน่าตลกนัก
มาร์คยังคงยืนพิงกำแพงสบายๆ
มองตาแบมแมผ่านกระจกระเบียงของมหาลัยอยู่แบบนั้น
ขยับปากพูดประโยคที่แบมแบมไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกตอนนี้
“ไงที่รัก”
แบมแบมกลับมาอยู่ในห้องเลคเชอร์อีกครั้ง ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างสั่นๆจนเกือบไปสุดอีกฟากของห้อง
ดวงตามองตามมาร์คที่เดินเข้ามาก่อนปิดประตูห้องล็อค
กริ๊ก
“เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า” มาร์คหันมาพูดกับแบมแบม ดวงตาเป็นประกาย
“ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องพูดกันนะครับ อาจารย์” พูดไปแบมแบมก็ไม่ได้ละดวงตาออกจากมาร์คเลยแม้แต่น้อย
เขากลัวว่าเพียงวินาทีเดียวที่เขาละสายตาออกไป
เขาอาจจะกลายเป็นคนที่น่าเวทนารายต่อไปจากไดแอน ถึงเขาจะท้องไม่ได้ก็เถอะ
“ว้าว น่าสนใจจัง” มาร์คพูดยกมือขึ้นมาสัมผัสคางตัวเองไปมา
“อาจารย์?”
“ใช่”
แบมแบมว่า “ผมว่าเราควรหยุด
อาจารย์ว่าไหม”
“ไม่หรอก” มาร์คว่าสาวเท้าเข้ามาใกล้แบมแบมมากขึ้น
แบมแบมที่ไม่ทันตั้งตัวเดินถอยจนหลังชิดติดกำแพง กระเป๋าเป้ตกลงไปกองที่พื้น
ดวงตาเบิกกว้างเมื่อมาร์คยกมือสองข้างขึ้นกั้นไม่ให้เขาไปไหน
ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
“ที่รัก... เรื่องของเรามาไกลเกินกว่าจะหยุดแล้ว” มาร์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้
ลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ข้างแก้มทำเอาแบมแบมขนลุก
ของเหลวใสค่อยๆรวมตัวกันบริเวณดวงตาช้าๆก่อนไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง
“มะ มะ ... ไม่” แบมแบมตอบมาร์คอย่างตะกุกกัก
“นายกำลังคิดว่าพอนายออกจากห้องนี้ไปแล้วนาจะไปบอกเรื่องของเราให้ใครฟังดีรวมถึงเรื่องของนางแพศยาคนนั้นให้ทั้งโลกรู้ใช่ไหมล่ะ?” มาร์คย้ายมือข้างซ้ายบีบมบีบคางแบมแบม
บังคับให้ใบหน้าหวานหันมามองตนอย่างเต็มตา
“ผม...
อึก...
เปล่า” แบมแบมพูดด้วยน้ำเสียงขาดหาย
การที่มาร์คจับเขาไว้แบบนี้ทำให้เขาหายใจลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว
“แล้วถ้านายพูดออกไป รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” มาร์คไม่ได้ฟังสิ่งที่แบมแบมตอบแม้แต่น้อย
เขาก้มหน้าจนสันจมูกชนเข้ากับของแบมแบม “ชีวิตฉันกำลังจะพังพินาศลงไปยังไงล่ะ!” มาร์คกระชากเสื้อแบมแบมจนตัวลอยแล้วกระแทกร่างบางกับผนังห้อง
แบมแบมผวาเฮือกเพราะแรงกระแทกก่อนค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นช้าๆ
ของเหลวใสเอ่อเต็มดวงตาทั้งสองข้าง มือและขาไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับ
มันสั่นไปหมดจนควบคุมไม่ได้ มาร์คค่อยๆย่อตัวลงมานั่งในระดับสายตาของแบมแบม
ใช้มือบังคับคางแบมแบมให้หันมามองตนอีกครั้ง
“ที่รักฉันควรจะทำยังไงกับนายดีนะ?” หลังมือของมาร์คไล้จากข้างขมับของแบมแบมลงมาช้าๆ
ชะลอเล็กน้อยบริเวณสันกราม เลื่อนลงมาจนถึงต้นคอก่อนจะ
ฉึก
เข็มฉีดยาขนาดย่อมถูกปักลงไปบนต้นคอของแบมแบม
ตาคู่สวยเบิกกว้างริมฝีปากสั่นระริก มันเจ็บ... แต่ตอนนี้เขากลัวมากกว่าเป็นพันเท่าล้านเท่า
แบมแบมรู้สึกได้ถึงสารอะไรบางอย่างที่เคลื่อนตัวออกมาจากปลายเข็ม
ค่อยๆกระจายไปตามแขน ขา มือ ปลายนิ้ว ดวงตาของแบมแบมค่อยๆหรี่พับลง
ประสาทสัมผัสทั้งห้ากำลังหยุดทำงาน สิ่งสุดท้ายที่แบมแบมเห็นก่อนทุกอย่างรอบด้านจะดับวูบไปคือรอยยิ้มของมาร์คและประโยคที่ดังอยู่ข้างหู
“You
swore you’d never tell our secret.”
บ๊อบบี้กำลังนั่งท่องเว็บโป๊ไปตามปกติ (ปกติสำหรับผู้ชายไง) ตาเรียวเหลือบมองบริเวณมุมของคอมพิวเตอร์
สามทุ่มเข้าไปแล้วแต่รูมเมทของเขา แบมแบมยังไม่กลับมาถึงห้องเลย
บ๊อบบี้ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เดี๋ยวอีกซักพักก็คงกลับมาเอง
คิมจีวอนเปลี่ยนจากการท่องเว็บโป๊มาดูหนังแทน
เขากำลังจดจ่อกับไคล์แม็กซ์ของเรื่อง
ฉากยิงกันของพระเอกและตัวร้ายดำเนินอย่างดุดันจนละสายตาไม่ได้
เสียงลูกกระสุนที่สาดกันในจอคอมพิวเตอร์ดังผ่านเอียร์โฟนเข้ามาที่หูบ๊อบบี้โดยตรง
ปัง ปัง ปัง ปัง ตึก!
บ๊อบบี้ยังคงให้ความสนใจกับหนังในจออยู่
ตัวร้ายพ่ายแพ้ไปแล้ว พระเอกสามารถช่วยเหลือลูกสาวตัวเองที่เป็นตัวประกันได้สำเร็จ
ตึง!
บ๊อบบี้ขมวดคิ้ว เมื่อเสียงประหลาดๆที่ไม่สมควรอยู่ในฉากพ่อกอดลูกดังแว่วให้ได้ยิน
บางทีอาจจะเป็นเพราะโหลดบิทมาก็ได้มั้ง อาจจะมีผิดพลาดทางเทคนิคกันบ้-
ครืด
บ๊อบบี้ดึงหูฟังออก ลุกขึ้นไปหยิบไม้กวาดมาถือไว้ในมือ
ค่อยๆย่องในห้องอย่างเงียบๆ รอฟังว่าเสียงแปลกๆที่ได้ยินจะดังตอนไหนอีก
กุก กัก
ตาดำในกรอบตาเรียวรีกรอกซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
เสียงแปลกๆนั่นดังมาจากห้องข้างๆ
ยัยเคทหมูอ้วน! บ๊อบบี้ทิ้งไม้กวาดลงกับพื้น
จิ๊ปากอย่างขัดใจ กำมือเคาะลงบนผนังฝั่งที่ติดกับห้องของเคทแรงๆ “เคท!
เลิกทำเสียงดังน่ารำคาญซักที รบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
พูดจบบ๊อบบี้เอาหูแนบผนังอีกซักพัก
ไม่มีเสียงดังมาจากห้องของเคทอีกแล้ว บ๊อบบี้เดินไปปิดคอม หมดอารมณ์จะดูหนังต่อ
หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหารูมเมทตัวเองเมื่อคิดได้ว่าอีกคนยังไม่กลับมา
‘อยู่ไหนวะ? กลับดึกชิบ มีอะไรโทรมาละกัน กูนอนละ - BOBBY’
ดัลลัส คิม
ยามกะดึกประจำมหาวิทยาลัยสะดุ้งตัวตื่นเมื่อเขาดันตกเก้าอี้ในขณะหลับ
เขาลูบไปที่บั้นท้ายตัวเอง สูดปากเบาๆด้วยความเจ็บ เอื้อมมือหยิบพวงกุญแจ ไฟฉาย และโทรศัพท์ที่ตกอยู่ที่พื้นให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
ด้านหน้าเขาคือจอแสดงผลจากซีซีทีวีทั่วทั้งมหาวิทยาลัยจำนวนร้อยกว่าจอ
เขากวาดตามองสำรวจความเรียบร้อยไปเรื่อยๆก่อนสะดุดเข้ากับภาพจากกล้องตัวหนึ่ง
ในอาคารเรียนของคณะบริหารธุรกิจ ทั้งๆที่ดึกขนาดนี้แล้ว แต่เมื่อมองผ่านช่องประตูเข้าไปกลับเห็นไฟสว่างอยู่
ดัลลัสกดปุ่มบังคับบนแผงควบคุม ค่อยๆซูมเข้าไปใกล้ๆเพื่อเช็คความผิดปกติ
อาจจะมีผู้บุกรุกโง่ๆ ที่เข้ามาขโมยของแต่ดันเปิดไฟก็ได้ ใครจะไปรู้
แต่เมื่อยิ่งซูมคิ้วของดัลลัสก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ
ซีซีทีวีไม่สามารถซูมไปมากกว่านี้ได้แล้ว
แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ดัลลัสเห็นภาพในจออย่างชัดเจน
ดัลลัสสบถออกมาอย่างเสียสติ รีบกดโทรศัพท์แจ้งเหตุด่วนทันที
“เกิดเหตุไฟไหม้ตึกคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยP รีบมาด่วนๆเลย” พูดแค่นั้นก่อนวางหูโทรศัพท์แล้วพุ่งตรงไปที่เกิดเหตุทันที
บริเวณห้องเลคเชอร์คณะบริหารธุรกิจถูกเพลิงไหม้ไปแล้วกว่า 70%
มีร่างไร้ลมหายใจที่ถูกไฟคลอกจนไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นใครอยู่บริเวณกลางห้องและไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น
ติ๊ด
สมาร์ทโฟนเครื่องสวยที่แม้บริเวณมุมของมันจะเริ่มละลายจนเสียรูปทรงจากความร้อน
แต่ก็ยังคงทำงานได้ สว่างวาบขึ้นจากข้อความที่เข้ามา
‘อยู่ไหนวะ? กลับดึกชิบ มีอะไรโทรมาละกัน กูนอนละ - BOBBY’
กลับไปคอมเมนต์ได้ที่ >> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1291187&chapter=32
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น