วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Estraie - 05


         เปลือกตาบางค่อยๆหรี่พับลงเรื่อยๆ ใบหน้าที่วางรองอยู่บนมือค่อยๆตกลง เสียงของอาจารย์ที่กำลังบรรยายการตัดกันของกราฟดีมานด์และซัพพลายไม่ได้เข้าหูเขาเลยซักนิด แบมแบมเป็นแบบนี้มาได้ซักพักแล้ว เนื่องจากเมื่อวานกว่าจะกลับถึงแมนชั่นก็เกือบเที่ยงคืน กว่าจะอาบน้ำใหม่เตรียมตัวเข้านอนก็ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคือเขานอนไม่หลับ พอเขาเล่าเรื่องของไดแอนให้มาร์คฟังก็เหมือนเป็นการรีเพลย์วิดีโอในความทรงจำตัวเองอีกรอบ กว่าเขาจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่เข้าไปแล้ว

         และเพราะเหตุนี้แบมแบมจึงมีสภาพอย่างที่เห็น

         แม้จะไม่ได้มีเรียนตอนเช้าแต่เขาก็ต้องแบกสังขารตัวเองมาที่ห้องสมุดเพื่อทำเปเปอร์วิชาจิตวิทยาเบื้องต้นที่จะต้องส่งพรุ่งนี้

         ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพาเขาออกไปเถลไถลแท้ๆ แต่กลับไม่มีข้อผ่อนผันให้แม้แต่น้อย มาร์คต้วนนี่นิสัยแย่จริงๆ

         แบมแบมนั่งทำเปเปอร์เรื่องความต้องการของมาสโลว์จนเสร็จ พอตกบ่ายก็เข้ามานั่งเรียนเศรษฐศาสตร์ต่อ แต่ความอ่อนเพลียก็เข้าโจมตีเขาอยู่เรื่อยๆ

         แบมแบมหันมองนาฬิกาข้อมือตัวเองด้วยดวงตาเบลอๆ อีกสองชั่วโมงครึ่งจึงจะหมดคาบ เมื่อเห็นดังนั้นแบมแบมก็ค่อยๆไถลตัวลงจากเก้าอี้เลคเชอร์อย่างแนบเนียน ด้วยความที่ห้องเลคเชอร์เป็นห้องขนาดกลางที่มีการจัดที่นั่งเป็นแบบขั้นบันได มีที่กั้น กั้นแต่ละชั้นไว้ ทำให้ไม่มีคนเห็นว่าเขากำลังจะแอบหลับ

         ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นเสร็จสรรพก็หันหน้าเข้าหาเก้าอี้ก่อนฟุบลงไปบนนั้น ไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้เก้าอี้ตัวนี้จะผ่านก้นใครมากี่คน แต่ตอนนี้แบมแบมง่วงมากจริงๆ

         คิดได้แค่นั้นก่อนทุกๆอย่างจะดับวูบลง



         “คิดจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน? คนอย่างคุณลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก

         “ไม่นาน? แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็เกือบปีแล้วหนิ?” เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้แบมแบมได้สติ เขาค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองนาฬิกาข้อมือของตนเอง อ่า... นี่มันหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว เขาเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเชียว แถมเพื่อนยังทิ้งเขาไว้ในห้องเรียนอีก ช่างเป็นเพื่อนที่ดี

         “อย่าให้ฉันต้องเปิดโปงความชั่วของคุณ

         “แล้วคิดว่าจะมีใครเชื่อเธอไหม?” แบมแบมที่กำลังมีความคิดจะลุกออกไปจากตรงที่เขานอนอยู่เป็นอันต้องชะงักเมื่อน้ำเสียงของคนที่สนทนากันอยู่เป็นน้ำเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

         “มาร์ค ฉันอยากให้ไดแอนเป็นคนสุดท้ายน้ำเสียงนั้นร้องขอ วิงวอน

         “เธอก็รู้ว่าฉันหยุดไม่ได้เคท

         ดวงตาของแบมแบมกรอกซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด มาร์ครู้จักกับเคท? แถมเมื่อกี้นี้เคทพึ่งจะพูดถึงไดแอน อะไรกัน ...

         “แบมแบมเป็นผู้ชายเสียงของมาร์ค

         “แล้วยังไง! ต่อให้เขาท้องไม่ได้ เขาก็ยังเป็นลูกศิษย์คุณ สำนึกผิดชอบชั่วดีของคุณมันหายไปไหนหมดหรอมาร์ค!?” เคทตะโกนอย่างเหลืออด ไม่กังวลว่าจะมีใครมาได้ยิน เวลาหกโมงสำหรับคณะบริหารก็เรียกว่าแทบจะปิดตึกได้อยู่แล้ว

         “ฉันจำเป็นจะต้องรู้สึกถึงความรู้สึกนั้นด้วยหรอ ในเมื่อฉันเองก็ไม่เคยได้รับมันเลยห้องเรียนตกอยู่ในความสงบอีกครั้ง แบมแบมที่แอบที่นั่งหันหลังชนกับที่กั้นระหว่างชั้นที่นั่งถึงกับกลั้นหายใจ

         “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุยเคยเจออะไรมา แต่คุณก็สมควรให้มันหยุดอยู่ที่คุณ

         “ก็ในเมื่อฉันไม่อยากหยุดมาร์คสวนกลับ

         “มาร์ค!” เสียงของเคทแหวขึ้นอีกครั้ง

         “คุณแอบคบกับไดแอน คุณทำเธอท้อง และคุณฆ่าเด็กคนนั้น คนที่เป็นลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ ลูกของคุณ!” แบมแบมดวงตาเบิกกว้างเมื่อความคิดบางอย่างลอยเข้ามาในหัว

         กูรู้ชื่อเขา แต่กูไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยเหมือนกันขนาดเขาสอนที่นี่มาสองปีแล้วนะ เวลามึงไปเรียนก็ไปส่องมาหน่อยดิ...”

         มาร์คสอนที่นี่มาสองปีแล้ว แปลว่าย้อนกลับไปตอนนั้น มาร์คเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ... เรื่องของไดแอนเป็นเรื่องใหญ่ อาจส่งผลถึงชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย มีการเรียกนักศึกษาทุกคนมาชี้แจงรวมไปถึงผู้ปกครองบางส่วน ฉะนั้นไม่มีทาง...

         ไม่มีทางที่มาร์คจะไม่รู้เรื่องของไดแอน

         มาร์คหลอกเขา

         “ฉันไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้น!!!” มาร์คตะโกน หอบหายใจจนตัวโยนแล้วตบโต๊ะดังปัง แบมแบมสะดุ้งเฮือก ก่อนเอามือปิดปากตัวเองเมื่อตั้งสติได้

         “กล้าพูดเนอะ...” เคทแค่นหัวเราะ ใครกันนะเป็นคนเอากระติกน้ำร้อนใบนั้นมาให้ไดแอน ใครกันนะที่บอกว่าให้ไดแอนดื่มไอ้ชาบ้าๆนั่นให้หมด ใครกัน!!!? ตอบฉันสิมาร์ค! อี้เอิน! ต้วน!” เคทกระแทกเสียงใส่มาร์คทีละประโยคอย่างเหลืออด

         แบมแบมไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดีแต่ตอนนี้ลำคอของเขาตีบตันไปหมด กระบอกตาและจมูกเริ่มร้อน เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ฟันขาวขบลงที่ริมฝีปากตนจนห้อเลือด กล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหมดของตนเข้าไป มือทั้งสองข้างเริ่มเกร็งจิกเข้าอย่างไม่รู้ตัว

         “ใครหรอ?... เธอไม่ใช่รึไง

         “หน้าด้าน! คุณเป็นคนจัดฉากทั้งหมด ซื้อกระติกน้ำใบที่เหมือนกับฉันมาเพื่อป้ายความผิดให้ฉ-”

          “แต่การจัดฉากของฉันก็ทำให้หลายๆคนเชื่อนะมาร์คพูดแทรก ยิ้มกริ่ม น้ำเสียงไม่ได้มีความรู้สึกผิดแฝงอยู่แม้แต่น้อย ลมหายใจเริ่มกลับเป็นปกติเมื่อเริ่มรู้สึกเป็นต่อ

         เคทไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่แบมแบมได้ยินเสียงกรี๊ดในลำคอจากเธอ

         “ทุกคนจะต้องรู้เรื่องนี้มาร์คต้วน!” เคทประกาศกร้าว แบมแบมได้ยินเสียงรองเท้าเธอกระทบพื้นไม้ของห้องเรียนอย่างแรง เคทกระชากประตูเปิดแต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป มาร์คเอ่ยขัดขึ้น

         “เธอคิดว่าจะมีใครเชื่อเธอไหม?” มาร์คถามเคทเป็นรอบที่สอง จงใจตอกย้ำว่าไม่มีใครเชื่อเธอแน่ๆ แต่ผิดคาดเมื่อเคทหันกลับมายิ้มให้เขา รอยยิ้มแสนน่าเกลียด พูดประโยคที่ทำให้มาร์คโมโหจนสบถออกมาแล้วเตะเก้าอี้ให้ล้มลงอย่างหัวเสีย

         “ใบเสร็จที่ซื้อกระติกน้ำเมื่อปีที่แล้วก่อนวันที่ไดแอนเสียวันเดียวหรือรูปคุณกับแบมแบมดีล่ะ?”



         ผ่านมาซักพักแล้วหลังจากเคทเดินออกจากห้องไป แบมแบมยังคงอยู่ในที่เดิม ท่าเดิม พยายามควบคุมลมหายใจตนเองให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้

         เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เคทเดินออกไปนอกจากที่มาร์คสบถเสียงดังและเตะเก้าอี้ล้ม แต่ที่แบมแบมรู้คือมาร์คยังอยู่ในห้อง เสียงเคาะโต๊ะเป็นจังหวะดัง ตึก ตึก ตึก เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกได้อย่างดีว่ามาร์คยังคงไม่ไปไหน

         นิ้วเรียวเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะเรื่อยๆ มาร์คนั่งสั่นขาไม่หยุดตั้งแต่เคทเดินออกไป เขาควรจะทำยังไง? เขาควรจะทำยังไงดี? ภาพของไดแอนวนมาหลอกหลอนเขาไม่หยุดหย่อน ภาพองแบมแบมด้วยเช่นกัน สถานณการ์ตอนนี้มันสุ่มเสี่ยงเกินกว่าจะทำอะไรแบบไม่วางแผนได้

         ถ้ามีคนรู้เรื่องทั้งหมด ชีวิตของเขาจะจบสิ้นและไม่มีโอกาสกลับมาเริ่มไหมเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว...

         ตอนนั้น...


        
         เขายังเด็ก... มาร์คต้วนเคยเป็นเด็กผู้ชายที่เช้าตื่นมาทานข้าวกับครอบครัว ไปโรงเรียน วาดภาพ ออกไปเล่นม้าโยก นอนกลางวัน ทานของว่าง กลับบ้าน ทำการบ้านเล็กๆน้อยๆ เล่นกับหมา พูดคุยกับพ่อแม่ว่าวันนี้ที่โรงเรียนคุณครูให้เขาทำอะไรบ้าง ดูการ์ตูน และเข้านอน ชีวิตของมาร์คเคยเป็นแค่เด็กธรรมดาคนนึงจนกระทั่งวันนั้น

       เขาเล่นกับเพื่อนจนลืมเวลา เขาตกรถโรงเรียนในขณะที่เพื่อนมีแม่มารับเรียบร้อยแล้ว มาร์คในวัยเจ็ดขวบครึ่งจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านเอง บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ อีกอย่างพ่อและแม่เขาก็เคยฝึกให้เขาเดินกลับบ้านเองอยู่สองสามครั้ง มาร์คเดินฮัมเพลงที่คุณครูพึ่งสอนในคาบขับร้องระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ หูเขาได้ยินเสียงรถขับเข้ามาใกล้ มาร์คจึงเบี่ยงตัวเดินให้ชิดด้านในเข้าไปอีก แม้ตนจะเดินอยู่บนทางเท้าแล้วก็ตาม

       เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น อะไรบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนถูกโปะลงบนจมูกของมาร์คและสติเขาก็ดับวูบไป

       หลังจากนั้นเขาจำอะไรไม่ได้มาก

       บ้านร้าง เก้าอี้ไม้เก่าๆที่เขาถูกผูกติดไว้ ผู้ชายที่เอาแต่สวดภาวนาสลับกับการกรีดร้องไม่หยุด เข็มฉีดยา และโลกแห่งความฝัน...

       ตัวของมาร์คล่องลอยอย่บนก้อนเมฆหลากสี สัมผัสสุนทรีย์ที่เขาไม่เคยรับรู้ เด็กเจ็ดขวบตัวน้อยกำลังหลงมัวเมาไปกับสิ่งที่ผู้ใหญ่คนนึงมอบให้ ผ้าขาวสะอาดที่กำลังถูกแต้มสีดำลงไป

       มาร์คถูกดึงกลับสู่โลกแห่งความจริงด้วยเสียงเตะประตูของตำรวจสองนาย ชายนิรนามที่เอาแต่สวดภาวนาคนนั้นถูกจับ เขาถูกปล่อยให้เป็นอิสระ พ่อและแม่วิ่งเข้ามากอดเขาไว้ทั้งน้ำตา

       หลังจากวันนั้น เขามารู้ว่าชายที่จับเขาไปเป็นคนที่เสพยาเกินขนาดจนเสียสติ มาร์คถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อพบจิตแพทย์อยู่เป็นเดือนๆ ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ยืนยันว่ามาร์คเป็นปกติดีทั้งร่างกายและจิตใจ แม้ผลตรวจร่างกายรอบแรกจะพบสารเสพติดที่ชื่อว่า LSD อยู่ในปริมารมาก แต่มันจะถูกขับออกไปเองในที่สุด

       ‘LSD มีการเสพติดทางจิตใจเท่านั้น ไม่มีการเสพติดทางร่างกาย และจะไม่มีอาการขาดยาทางร่างกายด้วยเป็นประโยคที่หมอพูดกับพ่อและแม่เขา ทำให้ทั้งคู่คลายความกังวลใจไปได้มากโข

       จะไม่มีการบันทึกประวัติองมาร์คไว้ว่าเขาเคยได้รับสารชนิดนี้เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองเยาวชน มาร์คสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติดังเดิม... ไม่สิ กลับมาใช้ชีวิตใหม่ต่างหากล่ะ

       ชีวิตใหม่ที่อะไรบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป... และมาร์ครู้... ร่างกายของเขาไม่ได้เสพติด LSD แต่จิตใจของเขา... เสพติดมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว



         มาร์คลุกจากที่นั่งด้วยความรวดเร็วจนเสียงเก้าอี้ครูดพื้นดังก้องภายในห้องเลคเชอร์ ขายาวก้าวเดินออกไปช้าๆ มือจับลูกบิดประตู มาร์คชะงักเล็กน้อยก่อนหันกับมากวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง เช็ดความเรียบร้อยอีกรอบแล้วออกจากห้องไป

       กริ๊ก

         เสียงประตูงับกับวงกบ แบมแบมถอนหายใจออกมา เขาหายใจทั่วท้องมากขึ้น มือบางถูกทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง แบมแบมเข้าใจสถาณการณ์ทั้งหมดตอนนี้ เพียงแต่เขายังทำใจยอมรับมันไม่ได้

         ทางที่ดีสิ่งที่ตอนนี้เขาต้องทำคือกลับห้องของเขา เขาต้องกลับไปตั้งหลัก... หลังจากนั้นอาจจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้บ๊อบบี้ฟัง บ๊อบบี้อาจจะเกลียดเขาแต่ช่างเถอะ ถ้ายังปล่อยให้คนอย่างมาร์คลอยนวลต่อไปมันต้องจบไม่สวยแน่ๆ อีกอย่างแบมแบมเชื่อว่ายังไงบ๊อบบี้ก็ตัดเขาไม่ขาดอยู่ดี

         แบมแบมกำลังนั่งรอเวลา... แค่ให้แน่ใจว่าเขาจะออกไปไม่เจอกับมาร์ค ร่างบางยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นเมื่อคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว แอบเซเล็กน้อยเมื่อเขาพึ่งรู้ตัวว่าขาเป็นตะคริว แบมแบมกัดฟันพยุงตัวขึ้นมาด้วยการใช้เก้าอี้เลคเชอร์เป็นหลัก ยัดข้าวของที่ยังไม่ได้เก็บใส่กระเป๋าเป้ลวกๆ ค่อยๆก้าวเินไปทางประตูห้องช้าๆ คอนเวิร์สคู่เก่งหยุดอยู่หน้าประตู แบมแบมชะงักมือที่จับลูกบิดอยู่

         ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าเขากลัว

         แบมแบมหลับตาลง สะบัดหัวแรงๆ ใช้มือข้างที่ว่างตบแปะๆลงบนแก้ม ไม่มีอะไรหน่าแบมแบมพึมพัมให้กำลังใจตนเอง บิดลูกบิดประตูแล้วดันมันออกไป ทั้งๆที่แบมแบมยังยืนอยู่ที่เดิมในห้อง

         ประตูเปิดออกกว้างจนสุความสามารถของมัน แบมแบมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆก้าวออกไปจากห้อง เงยหน้ามองเงาสะท้อนของตัวเองกับกระจกหน้าต่างริมระเบียงแต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเงาที่สะท้อนกลับมาไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงเงาจางๆไม่ชัดเจนมากนัก เงาของมาร์ค... กำลังยืนพิงกำแพงห่างจากเขาไปเพียงนิด

         มาร์คในกระจกหน้ายกยิ้มกว้างและตัวจริงก็คงกำลังยกยิ้มอยู่เช่นกัน แบมแบมตัวแข็งทื่อ แข้งขาอ่อนแรงไปเสียเฉยๆ เหงื่อเริ่มออกตามไรผมรวมไปถึงฝ่ามือ เขาอยากจะวิ่งหนีแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายพากันทรยศเขาในช่วงเวลาคับขัน ช่างน่าตลกนัก

         มาร์คยังคงยืนพิงกำแพงสบายๆ มองตาแบมแมผ่านกระจกระเบียงของมหาลัยอยู่แบบนั้น ขยับปากพูดประโยคที่แบมแบมไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกตอนนี้

       “ไงที่รัก



         แบมแบมกลับมาอยู่ในห้องเลคเชอร์อีกครั้ง ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างสั่นๆจนเกือบไปสุดอีกฟากของห้อง ดวงตามองตามมาร์คที่เดินเข้ามาก่อนปิดประตูห้องล็อค

       กริ๊ก

         “เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่ามาร์คหันมาพูดกับแบมแบม ดวงตาเป็นประกาย

         “ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องพูดกันนะครับ อาจารย์พูดไปแบมแบมก็ไม่ได้ละดวงตาออกจากมาร์คเลยแม้แต่น้อย เขากลัวว่าเพียงวินาทีเดียวที่เขาละสายตาออกไป เขาอาจจะกลายเป็นคนที่น่าเวทนารายต่อไปจากไดแอน ถึงเขาจะท้องไม่ได้ก็เถอะ

         “ว้าว น่าสนใจจังมาร์คพูดยกมือขึ้นมาสัมผัสคางตัวเองไปมา อาจารย์?”

         “ใช่แบมแบมว่า ผมว่าเราควรหยุด อาจารย์ว่าไหม

         “ไม่หรอกมาร์คว่าสาวเท้าเข้ามาใกล้แบมแบมมากขึ้น แบมแบมที่ไม่ทันตั้งตัวเดินถอยจนหลังชิดติดกำแพง กระเป๋าเป้ตกลงไปกองที่พื้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อมาร์คยกมือสองข้างขึ้นกั้นไม่ให้เขาไปไหน ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

         “ที่รัก... เรื่องของเรามาไกลเกินกว่าจะหยุดแล้วมาร์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ข้างแก้มทำเอาแบมแบมขนลุก ของเหลวใสค่อยๆรวมตัวกันบริเวณดวงตาช้าๆก่อนไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง

         “มะ มะ ... ไม่แบมแบมตอบมาร์คอย่างตะกุกกัก

         “นายกำลังคิดว่าพอนายออกจากห้องนี้ไปแล้วนาจะไปบอกเรื่องของเราให้ใครฟังดีรวมถึงเรื่องของนางแพศยาคนนั้นให้ทั้งโลกรู้ใช่ไหมล่ะ?” มาร์คย้ายมือข้างซ้ายบีบมบีบคางแบมแบม บังคับให้ใบหน้าหวานหันมามองตนอย่างเต็มตา

         “ผม... อึก... เปล่าแบมแบมพูดด้วยน้ำเสียงขาดหาย การที่มาร์คจับเขาไว้แบบนี้ทำให้เขาหายใจลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว

         “แล้วถ้านายพูดออกไป รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” มาร์คไม่ได้ฟังสิ่งที่แบมแบมตอบแม้แต่น้อย เขาก้มหน้าจนสันจมูกชนเข้ากับของแบมแบม ชีวิตฉันกำลังจะพังพินาศลงไปยังไงล่ะ!” มาร์คกระชากเสื้อแบมแบมจนตัวลอยแล้วกระแทกร่างบางกับผนังห้อง

         แบมแบมผวาเฮือกเพราะแรงกระแทกก่อนค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นช้าๆ ของเหลวใสเอ่อเต็มดวงตาทั้งสองข้าง มือและขาไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับ มันสั่นไปหมดจนควบคุมไม่ได้ มาร์คค่อยๆย่อตัวลงมานั่งในระดับสายตาของแบมแบม ใช้มือบังคับคางแบมแบมให้หันมามองตนอีกครั้ง

         “ที่รักฉันควรจะทำยังไงกับนายดีนะ?” หลังมือของมาร์คไล้จากข้างขมับของแบมแบมลงมาช้าๆ ชะลอเล็กน้อยบริเวณสันกราม เลื่อนลงมาจนถึงต้นคอก่อนจะ

       ฉึก

         เข็มฉีดยาขนาดย่อมถูกปักลงไปบนต้นคอของแบมแบม ตาคู่สวยเบิกกว้างริมฝีปากสั่นระริก มันเจ็บ... แต่ตอนนี้เขากลัวมากกว่าเป็นพันเท่าล้านเท่า

         แบมแบมรู้สึกได้ถึงสารอะไรบางอย่างที่เคลื่อนตัวออกมาจากปลายเข็ม ค่อยๆกระจายไปตามแขน ขา มือ ปลายนิ้ว ดวงตาของแบมแบมค่อยๆหรี่พับลง ประสาทสัมผัสทั้งห้ากำลังหยุดทำงาน สิ่งสุดท้ายที่แบมแบมเห็นก่อนทุกอย่างรอบด้านจะดับวูบไปคือรอยยิ้มของมาร์คและประโยคที่ดังอยู่ข้างหู

         “You swore you’d never tell our secret.”



         บ๊อบบี้กำลังนั่งท่องเว็บโป๊ไปตามปกติ (ปกติสำหรับผู้ชายไง) ตาเรียวเหลือบมองบริเวณมุมของคอมพิวเตอร์ สามทุ่มเข้าไปแล้วแต่รูมเมทของเขา แบมแบมยังไม่กลับมาถึงห้องเลย บ๊อบบี้ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เดี๋ยวอีกซักพักก็คงกลับมาเอง

         คิมจีวอนเปลี่ยนจากการท่องเว็บโป๊มาดูหนังแทน เขากำลังจดจ่อกับไคล์แม็กซ์ของเรื่อง ฉากยิงกันของพระเอกและตัวร้ายดำเนินอย่างดุดันจนละสายตาไม่ได้ เสียงลูกกระสุนที่สาดกันในจอคอมพิวเตอร์ดังผ่านเอียร์โฟนเข้ามาที่หูบ๊อบบี้โดยตรง

         ปัง ปัง ปัง ปัง ตึก!

         บ๊อบบี้ยังคงให้ความสนใจกับหนังในจออยู่ ตัวร้ายพ่ายแพ้ไปแล้ว พระเอกสามารถช่วยเหลือลูกสาวตัวเองที่เป็นตัวประกันได้สำเร็จ

       ตึง!

         บ๊อบบี้ขมวดคิ้ว เมื่อเสียงประหลาดๆที่ไม่สมควรอยู่ในฉากพ่อกอดลูกดังแว่วให้ได้ยิน บางทีอาจจะเป็นเพราะโหลดบิทมาก็ได้มั้ง อาจจะมีผิดพลาดทางเทคนิคกันบ้-

         ครืด

         บ๊อบบี้ดึงหูฟังออก ลุกขึ้นไปหยิบไม้กวาดมาถือไว้ในมือ ค่อยๆย่องในห้องอย่างเงียบๆ รอฟังว่าเสียงแปลกๆที่ได้ยินจะดังตอนไหนอีก

       กุก กัก

         ตาดำในกรอบตาเรียวรีกรอกซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว เสียงแปลกๆนั่นดังมาจากห้องข้างๆ

         ยัยเคทหมูอ้วน! บ๊อบบี้ทิ้งไม้กวาดลงกับพื้น จิ๊ปากอย่างขัดใจ กำมือเคาะลงบนผนังฝั่งที่ติดกับห้องของเคทแรงๆ เคท! เลิกทำเสียงดังน่ารำคาญซักที รบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพูดจบบ๊อบบี้เอาหูแนบผนังอีกซักพัก ไม่มีเสียงดังมาจากห้องของเคทอีกแล้ว บ๊อบบี้เดินไปปิดคอม หมดอารมณ์จะดูหนังต่อ หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหารูมเมทตัวเองเมื่อคิดได้ว่าอีกคนยังไม่กลับมา

         อยู่ไหนวะ? กลับดึกชิบ มีอะไรโทรมาละกัน กูนอนละ - BOBBY’



         ดัลลัส คิม ยามกะดึกประจำมหาวิทยาลัยสะดุ้งตัวตื่นเมื่อเขาดันตกเก้าอี้ในขณะหลับ เขาลูบไปที่บั้นท้ายตัวเอง สูดปากเบาๆด้วยความเจ็บ เอื้อมมือหยิบพวงกุญแจ ไฟฉาย และโทรศัพท์ที่ตกอยู่ที่พื้นให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

         ด้านหน้าเขาคือจอแสดงผลจากซีซีทีวีทั่วทั้งมหาวิทยาลัยจำนวนร้อยกว่าจอ เขากวาดตามองสำรวจความเรียบร้อยไปเรื่อยๆก่อนสะดุดเข้ากับภาพจากกล้องตัวหนึ่ง ในอาคารเรียนของคณะบริหารธุรกิจ ทั้งๆที่ดึกขนาดนี้แล้ว แต่เมื่อมองผ่านช่องประตูเข้าไปกลับเห็นไฟสว่างอยู่ ดัลลัสกดปุ่มบังคับบนแผงควบคุม ค่อยๆซูมเข้าไปใกล้ๆเพื่อเช็คความผิดปกติ อาจจะมีผู้บุกรุกโง่ๆ ที่เข้ามาขโมยของแต่ดันเปิดไฟก็ได้ ใครจะไปรู้ แต่เมื่อยิ่งซูมคิ้วของดัลลัสก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ

         ซีซีทีวีไม่สามารถซูมไปมากกว่านี้ได้แล้ว แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ดัลลัสเห็นภาพในจออย่างชัดเจน ดัลลัสสบถออกมาอย่างเสียสติ รีบกดโทรศัพท์แจ้งเหตุด่วนทันที

         “เกิดเหตุไฟไหม้ตึกคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยP รีบมาด่วนๆเลยพูดแค่นั้นก่อนวางหูโทรศัพท์แล้วพุ่งตรงไปที่เกิดเหตุทันที

         บริเวณห้องเลคเชอร์คณะบริหารธุรกิจถูกเพลิงไหม้ไปแล้วกว่า 70%

         มีร่างไร้ลมหายใจที่ถูกไฟคลอกจนไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นใครอยู่บริเวณกลางห้องและไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น

       ติ๊ด
       สมาร์ทโฟนเครื่องสวยที่แม้บริเวณมุมของมันจะเริ่มละลายจนเสียรูปทรงจากความร้อน แต่ก็ยังคงทำงานได้ สว่างวาบขึ้นจากข้อความที่เข้ามา

       ‘อยู่ไหนวะ? กลับดึกชิบ มีอะไรโทรมาละกัน กูนอนละ - BOBBY’




 กลับไปคอมเมนต์ได้ที่ >> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1291187&chapter=32




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น