วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Estraie - 04



         รถยนต์สีดำปลาบค่อยๆชะลอตัวจนหยุดลงในที่สุด ถ้าเดินเลี้ยวจากหัวมุมถนนข้างหน้าก็จะเป็นแมนชั่นที่เขาพัก ท้องฟ้ายามนี้มืดสนิทแต่ยังโชคดีที่มีแสงจันทร์และไฟจากข้างถนนทำให้มองเห็นได้อยู่ แบมแบมปลดเข็มขัด เช็ครอบสุดท้ายว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไรไว้จริงๆ แบมแบมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถแต่แล้วเขาก็นึกอะไรได้ซะก่อน

         “ขอบคุณครับมาร์คหันหน้ามามองแบมแบม ยกยิ้มจางๆ จ้องเข้าไปในตาแบมแบมก่อนตอบกลับ

         “ไม่เป็นไรครับจบคำแบมแบมเสตาหลบ ด้วยคำพูด น้ำเสียงและสายตามาร์คส่งมา ทำเอาความร้อนตีขึ้นมารวมกันที่ใบหน้า

         แบมแบมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถแต่คราวนี้เขาถูกมาร์ครั้งเอาไว้ แบมแบมหันมามองข้อมือที่ถูกกุมไว้หลวมๆก่อนเงยหน้าสบตามาร์ค เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรแทนที่จะเอ่ยถามออกไปตรงๆ

         “พรุ่งนี้... ไปทานข้าวเย็นกันนะ

         “ไม่เอาเดี๋ยวคนอื่นเห็นแบมแบมว่าปัดๆ แต่ก็ยังปล่อยให้มือบางถูกมาร์ครวบไว้แบบเดิม

         “โธ่... แบม ไม่มีใครเห็นหรอกหน่า... ” น้ำเสียงของมาร์คเริ่มเปลี่ยนไป ร้องขอ วิงวอน จนแบมแบมใจอ่อน แถมเสียงแบบนี้ยังพาลทำให้หัวสมองคิดไปถึง  วันนั้นแก้มใสๆเริ่มฝาดด้วยสีแดงจางๆอีกครั้ง เขาบิดข้อมืออกจากการจับกุมของมาร์คเปิดประตูลงจากฟอร์ดฟิวชั่น แบมแบมไม่ได้หันไปมองคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อยว่าตอนนี้จะแสดงสีหน้ายังไงแต่ก่อนที่ประตูรถจะกระแทกตัวปิดลงแบมแบมเดาได้ไม่ยากว่าคำพูดของเขาคงจะทำให้มาร์คยิ้มได้แน่ๆ

         “พรุ่งนี้เลิกเรียนบ่ายสองแต่มารับซักหกโมงเย็นจะดี... มากๆ



         แบมแบมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านโรมิโอกับจูเลียตอยู่บนโซฟากลางห้อง เสื้อผ้าที่เลืกสรรมาแล้ว ทรงผมถูกเซ็ทอย่างดีและน้ำหอมที่ถูกฉีดจนกลิ่นหอมกระจายตัวอยู่ในห้องเป็นสัญลักษณ์ที่บอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังเตรียมที่จะออกไปข้างนอก เสียงน้ำกระทบพื้นดังขึ้นได้ไม่นาน รูมเมทของเขาพึ่งจะเข้าไปอาบน้ำเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

         แบมแบมแหงนหน้ามองนาฬิกาในห้องเข็มยาวชี้เลขสิบเข็มสั้นใกล้จะชี้เลขหกไปทุกที

         โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่น หนังสือโรมิโอกับจูเลียตในมือถูกคั่นและวางไว้บนโต๊ะกาแฟ มือเล็กล้วงหยิบสมาทร์โฟนขึ้นมาดู

         ‘ arrived
               M. ’

         แบมแบมยกยิ้มก่อนกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ เดินไปหยิบโพสอิทจากโต๊ะวางแจกันเล็กๆมุมห้องเขียนข้อความถึงคิมจีวอนลวกๆแล้วนำไปแปะไว้ที่ตู้เย็น

       ‘ออกไปข้างนอก กลับดึกๆ - Bb.’

         ขาเรียวก้าวไปใส่รองเท้า เช็คความเรียบร้อยทั้งของห้องพักและของตัวเอง เดินออกจากห้องแล้วงับประตูปิด โถงทางเดินตอนนี้ไร้ผู้คน แบมแบมเดินลงบันไดไปได้เพียงสามขั้น

         “นาย...” แบมแบมไม่แน่ใจว่านายที่ว่าจะหมายถึงเขาไหม เขาจึงเลือกที่จะเดินลงบันไดต่อไป แต่ลงได้เพียงอีกขั้นเดียวก็ต้องชะงักฝีเท้าลง นาย... นายนั่นแหละแบมแบมผินหน้าหันกลับไปมองคนเรียก ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อหันไปพบว่าคนที่เรียกเขาไว้คือใคร ...

         เคท มิลล์สัน ยืนอยู่บริเวณหัวบันได กอดอกมองมาที่แบมแบม

         “มีอะไร?” แบมแบมเก็บอาการทั้งหมดไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉยและน้ำเสียงแสนห้วน ถ้าเขามารยาททรามกว่านี้ก็คงทำเหมือนว่าไม่ได้ยินที่เธอเรียกเขาไว้แล้วล่ะ

         “นายกำลังจะออกไปไหน ไปกับหมอนั่นใช่ไหม?” แบมแบมเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นอย่างสงสัย หมอนั่น?

         “เท่าที่ฉํนคิดออก ฉันไม่มีเพื่อนชื่อหมอนั่นแบมแบมตอบด้วยท่าทางยียวน ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเอง สองมือล้วงในกระเป๋ากางเกง

         เคทจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย หันหน้ามองรอบด้านก่อนพูดออกมาด้วยเสียงกดต่ำและเบาราวเสียงกระซิบ มาร์ค ต้วนแบมแบมขมวดคิ้วฉับ เคทรู้?

         “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เห้! เดี๋ยวสิจะไปไหนน่ะ!?” เสียงของเคทแหวขึ้นเมื่อแบมแบมละความสนใจจากเธอและหันมาให้ความสนใจกับการเดินลงบันไดแทน

         “ต้องการอะไร?” แบมแบมถาม ไม่ได้หันไปกลับไปมองเคท แต่เขารู้ว่าเธอกำลังตามเขามา สังเกตได้จากเสียงรองเท้าที่กระทบขั้นบันไดที่ขึ้นซ้อนกันกับของเขา

         “ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้มาร้ายเสียงเคทดังมาจากด้านหลัง

         “เหอะแบมแบมแค่นหัวเราะ ไม่ได้มาร้าย? เรื่องตลกของวันนี้เลยล่ะเคท มิลล์สัน ต้องการอะไรจากฉันก็บอกมา อย่ามายุ่งกับฉันเลย เราควรอยู่แบบตัวใครตัวมันจะดีกว่านะแบมแบมพูดรัวๆไม่ได้เว้นช่องไฟให้เคทได้แทรกอะไรทั้งสิ้น ร่างเล็กยังคงก้าวเท้าลงบันได้อย่างต่อเนื่องทั้งๆที่พูดไปด้วย

         “เอาเลย อยากจะคิดยังไงของนายก็เชิญ! แต่ฉันเตือนไว้ก่อนเลยว่าอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนั้นไว้เป็นดีเคทพูดกระแทกเสียง แบมแบมเร่งฝีเท้า เขาเดินจนมาถึงชั้นล่างของแมนชั่น อีกเพียงนิดเดียวเขาจะหลุดออกจากการสนทนากับคนที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วยมากที่สุดบนโลกใบนี้

         “ฉันจะยุ่งกับใครก็ไม่ใช่เรื่องของเธอแบมแบมกระชากประตูแมนชั่นให้เปิดออก เอาเวลาที่เธอมายุ่งเรื่องของฉันไปสำนึกผิดเรื่องไดแอนและเด็กคนนั้นให้ได้ก่อนเถอะ!” เขากระแทกเสียงกลับ ก้าวเท้าไวๆตามบันไดเตี้ยๆหน้าแมนชั่นลงมา และหลังจากนั้นความเงียบโรยตัวลงเพียงเพราะชื่อของบุคคที่สามที่หลุดเข้ามาในบทสนทนา

         ไดแอน...

         แบมแบมหันข้างเพียงนิดให้เหลือบตากลับมามองคู่สนทนาของตัวเองได้ เขาเห็นเคทชะงักไปแวบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

         “งั้นก็เอาที่นายสบายใจละกันนะเคทว่าแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในแมนชั่น แบมแบมถอนหายใจ สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกรอบระหว่างเดินไปทางฟอร์ดฟิวชั่นคันคุ้นตาที่จอดรออยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

         แบมแบมเดินมาหยุดอยู่ตรงประตูข้างคนขับ รอจนได้ยินเสียงปลดล็อคประตูเขาจึงเข้าไปนั่งด้านใน ล้อเริ่มหมุนและนำรถคันสวยพุ่งไปตามถนนทันทีที่แบมแบมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว มาร์คยังไม่ได้พูดอะไร มีเพียงเสียงเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะให้เขาได้ยินเท่านั้น

         “ผู้หญิงคนนั้นทำให้อารมณ์ไม่ดีหรอ?” มาร์คพูดขึ้นนิ้วมือยังคงเคาะพวงมาลัยอยู่

         “รู้ได้ยังไงว่ามีผู้หญิงมาทำให้ผมอามณ์เสีย?” แบมแบมไม่ได้ตอบแต่ถามคำถามกลับไปแทน

         “เห็นตอนเดินออกมาพอดีน่ะมาร์คตอบ ผละมือซ้ายมาเปลี่ยนเกียร์รถแล้วใช้มืออีกข้างบังคับพวงมาลัยไว้แทน

         แบมแบมถอนหายใจ หันหน้าออกไปมองวิวผ่านกระจก ถูกอย่างที่พูดนั่นแหละครับ เธอทำให้ผมอารมณ์เสีย... มากด้วยมาร์คเงียบ รอแบมแบมพูดออกมาเอง เธอพูดเรื่องของ...” แบมแบมเว้นไว้ คิดว่ามาร์คคงจะเข้าใจเองว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร

         “us?” มาร์คถามกลับ

         “เธอรู้เรื่องของเรา เธอบอกให้ผมอยู่ห่างๆคุณไว้ แต่มาร์คคุณรู้ไหม เรื่องที่น่าตลกคือเธอเป็นคนที่อันตรายที่สุด คนที่ไม่สมควรเข้าใกล้ที่สุดของมหาลัยเลยล่ะแทนที่จะได้รับคำตอบมาร์คกลับได้รับประโยคยาวๆมาแทน

         “แล้วนี่ไม่กลัวเขาเอาเรื่องของเราไปพูดหรอ?”

         “ไม่มีใครเชื่อเคท มิลล์สันทั้งนั้นล่ะ ยัยนั่นน่ะ...” แบมแบมกลืนน้ำลายลงคอ ความคิดวิ่งวุ่นในหัวว่าควรพูดออกไปไหม ในตอนที่แบมแบมกำลังจะเปิดปากพูด เขาหยุดชะงักเมื่อมาร์คแทรกขึ้นมาก่อน

         “ถ้าไม่สะดวกใจจะเล่าก็ไม่เป็นไรหรอกตึก ตึก ตึก

         ‘อีกแล้วแบแบมคิดในใจเมื่อเสียงมาร์คเคาะพวงมาลัยดังขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้ขี้รำคาญอะไรหรอก เขาแค่สังเกตจนรู้สึกว่ามาร์คน่าจะติดนิสัยการเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัยระหว่างขับรถ

         “แต่ถ้าอยากจะเล่า เก็บไว้ไปเล่าเป็นเรื่องสนุกบนโต๊ะอาหารของเราละกันนะ

         แบมแบมหลับตาลง ก่อนลืมขึ้นช้าๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่เล่าให้มาร์คฟังในเมื่อเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับทั้งเขาและมาร์ค

         “ที่ไม่มีใครเชื่อเคท มิลล์สัน เพราะยัยนั่น... ” แบมแบมเว้นช่วงสั้นๆ เป็นฆาตรกร



         ร้านอาหารที่มาร์คพาเขามาค่อนข้างไกลจากมหาลัยพอสมควร ขนาดที่ว่ากว่าจะขับรถมาถึงก็เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มไปแล้ว ด้วยความที่วันนี้เป็นคืนวันจันทร์ ทำให้คนในร้านอาหารค่อนข้างบางตา มีเพียงโต๊ะไม่กี่โต๊ะเท่านั้นที่ถูกจับจอง มาร์คและแบมแบมนั่งอยู่เกือบมุมในสุดของร้าน บริกรเดินมารับออเดอร์ไปแล้วตอนนี้พวกเขากำลังรออาหารมาเสิร์ฟอยู่

         “ตอนผมย้ายมาที่นี่ครั้งแรก...” แบมแบมเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มาร์คฟัง



         ไดแอน ฮอดจ์ เป็นคนสวย ผมบลอนด์ยาว ตาสีฟ้า รอยยิ้มสดใส มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นผู้แทนนักศึกษา เป็นเพื่อนข้างห้อง เพื่อนร่วมสถาบัน รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของแบมแบม รุ่นพี่ร่วมคณะ และพ่วงตำแหน่งรูมเมทของเคท มิลล์สัน

       ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก ไดแอน ฮอดจ์เป็นรูมเมทของเคท มิลล์สัน แถมเจ้าตัวยังบอกเองอีกว่านอกจากเป็นรูมเมทแล้ว เคทยังเป็นเพื่อนสนิทของเธออีกด้วย...

       ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

       มักจะมีคนเปรียบเทียบเคทกับไดแอนเสมอๆซึ่งไดแอนก็มักถ่อมตนและรักษาน้ำใจเพื่อนด้วยการบอกว่าเธอไม่ได้ดีเลิศขนาดนั้นแถมเคทก็ยังมีดีในตัวเองและเป็นเพื่อนที่เข้าใจเธอมากๆด้วย แต่ใครๆก็ลือกันให้แซ่ดว่าเคทเกาะไดแอนเพื่อหวังให้ตัวเองมีที่ยืนเท่านั้นแหละ

       แม้แบมแบมจะค่อนข้างสนิทกับไดแอนแต่เรื่องความสัมพันธ์ของไดแอนกับเคทเนี่ย เขาก็ไม่รู้อะไรเท่าไหร่หรอก เขาแค่เคยได้ยินไดแอนเปรยๆบ้างเท่านั้นเอง แต่ไดแอนก็ดูมีความสุขดีกับการเป็นเพื่อนกับเคท ซึ่งมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวและแบมแบมจะไม่ขอเข้าไปยุ่ง

       ถ้าแบมแบมจำไม่ผิด คืนนั้น ต้นเดือนพฤษจิกายนปีที่แล้ว แบมแบมได้ยินเสียงประหลาดจากห้องข้างๆ รวมไปถึงเสียงคนทะเลาะกัน เขาก็จำได้ทันทีว่ามันคือเสียงของไดแอนและเคท อาจจะแค่มีปัญหากันนิดหน่อย เพื่อนกัน(มั้ง)ก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดาแบมแบมคิดอย่างนั้น

       ทว่าวันต่อๆมาการทะเลาะกันของทั้งสองทวีความรุนแรงขึ้น กินเวลานานขึ้น จนแบมแบมนึกเป็นห่วงไดแอนอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมากนัก สุดท้ายเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย

       ซึ่งถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แบมแบมจะเลือกให้ความสนใจมันมากกว่านี้...



         “เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรพอจะจับใจความได้ไหม?” มาร์คถามแทรกขึ้นมา ลดมีดและส้อมในมือลงบนจานก่อนหยิบแก้วไวน์ด้านข้างขึ้นมาจิบ

         คำถามของมาร์คทำให้คิ้วของแบมแบมขมวดลง พยายามเค้นความทรงจำส่วนลึกว่าตอนนั้นเคทและไดแอนทะเลาะอะไรกัน

         “อืม...” แบมแบมครางในลำคอ มือก็ใช้ช้อนคนรีซ็อตโต้ในจานไปเรื่อยๆ แฟนของไดแอนมั้งครับแบมแบมว่าดวงตามองแจกันดอกไม้ที่วางประดับอยู่บนโต๊ะ

         “แฟน?” มาร์คตวัดหางเสียงขึ้นสูงเป็นการถาม

         “ไม่แน่ใจเหมือนกัน เหมือนจะเป็นคนที่ไดแอนคุยๆอยู่ด้วยมั้ง เธอไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ผมฟังระหว่างที่แบมแบมพูดดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปที่อื่น ส่วนมาร์คก็เริ่มจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ค่อยๆเคาะนิ้วลงบนโต๊ะแล้วลากกลับเป็นจังหวะอย่างที่ติดเป็นนิสัย

         “แล้วไดแอนเป็นยังไงต่อล่ะ?”



         สองสามอาทิตย์ผ่านไป การทะเลาะกันของเคทและไดแอนถี่ขึ้น รุนแรงขึ้น

       โชคดีที่เทศกาลขอบคุณพระเจ้าเวียนมาบรรจบ นักศึกษาทุกคนกลับบ้านรวมทั้งเคทและไดแอน ซึ่งแบมแบมมองว่าเป็นเรื่องดี การที่ทั้งสองคนเว้นระยะห่างกันอาจทำให้อารมณ์เย็นลงและจบเรื่องทะเลาะอันน่าปวดหัวนี่ซักที

       แบมแบมเคยถามไดแอนถึงเรื่องนี้แต่เธอก็เลือกที่จะบ่ายเบี่ยงและเปลี่ยนเรื่องไปแทน เขาจึงได้แค่ปล่อยมันไป

       เช้าวันแรกของการเปิดเรียนหลังวันหยุด ไดแอนและเคทมาเรียนตามปกติ ใช่ แบมแบมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ดูปกติมากๆ จนไม่ทันได้เอะใจในอะไรบางอย่าง

       หลังคลื่นลมอันสงบและท้องทะเลราบเรียบมักจะตามมาด้วยพายุใหญ่เสมอ

       กรี๊ดดดดดดดดด!

       เสียงกรี๊ดในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องจะเกิดขึ้นบ่อยๆนัก แถมยังดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลซะด้วย แบมแบมที่นั่งอยู่ที่ใต้ถุนคณะและเกือบทุกคนบริเวณนั้นเงยหน้าจากทุกอย่างที่ทำเพื่อตามหาต้นเสียง เสียงเอะอะโวยวายและเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นตามมาไม่นานนักหลังเสียงกรี๊ด

       ห้องน้ำข้างหลังคณะ

       นั่นคือสิ่งที่พอจะจับใจความได้ แบมแบมไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอก แต่เพราะเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันอยากรู้เสียจนต้องลุกไปดูตามที่เขาพูดกัน แบมแบมจึงถูกลากมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้

       ห้องน้ำหลังคณะตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ เพื่อนของแบมแบมพยายามแทรกตัวเข้าไปดูว่าสิ่งที่ทุกคนยืนล้อมอยู่คืออะไร ยิ่งเข้าใกล้ แบมแบมก็ยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีอะไรมากดทับอยู่ตลอดเวลา ลางสังหรร์องแบมแบมเริ่มทำงานเมื่อกลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูก ความคลื่นเหียนตีขึ้นมาจนแบมแบมเบ้หน้า รู้ตัวอีกทีแบมแบมก็มาหยุดยืนอยู่ด้านในวง สิ่งที่แบมแบมเห็นทำให้เขาช็อคแต่อยู่ในอาการตกใจได้ไม่นานแบมแบมก็ต้องเบือนหน้าหนีเมื่อภาพที่เห็นมันเกินกว่าที่เขาจะรับไหว

       เลือดสีเข้มจนเกือบดำที่กระจายตัวเป็นวงกว้างตัดกับกระเบื้องสีขาวในห้องน้ำเป็นอย่างดี ปลายเท้าเล็กที่เกร็งหงิกงอจิกอยู่บนพื้น กระโปรงทรงเมอร์เมดผ้าแคชเมียร์ความยาวเท่าหัวเข่าที่ตะเข็บข้างขาดและแทบดูไม่ออกเลยว่าเคยเป็นสีอะไรมาก่อนเพราะเลือดที่เปรอะอยู่ มือที่ขย้ำอยู่บริเวณชายเสื้อตนเองจนข้อมือซีดขาว ร่างของไดแอน ฮอดจ์ นอนนิ่งสนิท ดวงตาเบิกโพลงในทะเลเลือดของตนเอง และไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นเอง ก้อนเลือดขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ แทบจะดูไม่ออกว่าเป็นรูปร่างอะไรเสียด้วยซ้ำ

       ถ้าไม่ใช่คนโลกสวยมากนัก มองด้วยตาปราดเดียวก็รู้ได้ทันที

       เพื่อนของแบมแบมที่พึ่งได้สติ รีบหันหน้าหนีก่อนหันมาถามคำถามแบมแบม ไดแอนี่...เพื่อนข้างห้องมึงไม่ใช่หรอแบม?” แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากการคว้ามือเพื่อนตัวเองแล้วรีบเดินออกจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด เขาปิดปากเงียบเพราะคำถามสุดท้ายที่เพื่อนเขาถามมา แบมแบมไม่มีคำตอบจะให้เพื่อนเขา...

       เขาไม่รู้...

       “ไดแอนท้องหรอวะ?”

       เขาไม่รู้ว่าไดแอน ฮอดจ์กำลังท้อง



         แบมแบมต้องหยุดเรื่องเล่าของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาหวานผินกลับมามองคนที่นั่งตรงกันข้ามเมื่อเสียงของมีดและส้อมกระทบจานเซรามิคดังขึ้น

         มาร์คหายใจแรง ดวงตาเหม่อลอย เหงื่อกาฬไหลซึมตามไรผม อาการเหมือนวันนั้นที่เขาออกไปกับมาร์ควันแรก

         “ขอ... ขอตัวแปปนะมาร์คพูดอย่างตะกุกตะกักแล้วลุกออกจากโต๊ะไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงแบมแบมที่มองตามอีกคนไปจนลับสายตา

         เขาไม่แปลกใจกับอาการที่เกิดขึ้นของมาร์คซักเท่าไหร่นัก เพราะวันนั้นในเหตุการณ์ มีคนจำนวนไม่น้อยเป็นลมล้มพับไปเนื่องจากภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ว่าจะชายหรือหญิง แม้มาร์คจะไมไ่ด้เห็นภาพจากการจริงแต่ก็คงรู้สึกสะอิดสะเอียนและสะเทือนใจกับเรื่องราวที่ฟังจากปากเขาไม่มากก็น้อย

         ช้อนเงินอย่างดีถูกวางลง แบมแบมไม่มีอารมณ์จะเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าอีกต่อไป เขาเอนแผ่นหลังลงกับพนักเก้าอี้ ภาพสยดสยองเหล่านั้นยังคงตามมาหลอกหลอนเขาแม้ในยามหลับฝัน แบมแบมหลับตาลงพยายามลบภาพในวันนั้นออกไปอย่างเช่นทุกครา แม้มันจะไม่เคยสำเร็จเลยก็ตามที



         ประตูห้องน้ำชายในร้านถูกกระแทกปิดด้วยฝีมือของมาร์ค เขากดล็อคประตู ค่อยๆพยุงร่างตนเองมาที่อ่างล้างมือ เขาเปิดก๊อกจนสุด น้ำเย็นไหลออกมาตามแรงดัน มาร์ครองน้ำไว้ในมือแล้วกวักใส่หน้าตัวเองไม่ยั้ง ไม่กลัวว่ามันจะกระเด็นและทำให้เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่เปียกเลยแม้แต่น้อย

         มาร์คหอบหายใจหนัก กดหน้าลงทิ้งสายตาไปที่พื้นห้องน้ำและปลายรองเท้าของตัวเอง แขนทั้งสองข้างยันไว้ที่เคาท์เตอร์หินอ่อนอย่างดี เสียงน้ำไหลจากก๊อกน้ำยังคงดังไม่หยุด มาร์คค่อยๆกำมือตัวเองเข้าช้าๆ... ช้าๆ... จนเส้นเลือดเริ่มปูดโปนก่อนทุบลงไปบนเคาท์เตอร์อย่างแรง

         ภาพในห้องน้ำเริ่มบิดวน แสงไฟสีนวลตาเริ่มกลายเป็น vivid color ที่สลับเปลี่ยนกันไปมา เขาเห็นภาพมือของเขาที่กำลังกุมมือบางไว้ เห็นภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเอียงอายยามเมื่อเขากดจูบรับอรุณเธอในยามเช้า เห็นภาพใบหน้าหวานแดงซ่านยามร่วมรักกัน เห็นภาพเครื่องตรวจวัดการตั้งครรภ์ที่มีขีดขึ้นมาสองขีด ภาพทุกอย่างทำให้มาร์คจวนเจียนจะคลั่ง

         มาร์คสบถอย่างหัวเสีย ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควานหาสิ่งที่ตนเองต้องการพร้อมมือสั่นๆ เขาจะต้องหลุดพ้นจากสิ่งนี้ มีเพียง มันเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้

         กระดาษแผ่นเล็กๆขนาดเท่าแสตมป์ดูไม่มีพิษมีภัยถูกใส่ในปาก

       LSD

         มาร์คหลับตาลง นับถอยหลังรอเวลาที่มันจะออกทธิ์ช่วยเพื่อช่วยเขา

         5 นาที 10 นาที 15 นาที 20 นาที... อาจนานกว่านั้น 25 นาที 30 นาที

         แม้จะต้องใช้เวลา แต่เพียงไม่นาน... ไม่นานเท่านั้น เขาจะเป็นมาร์ค ต้วนผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลกอีกครั้ง



         มาร์คและแบมแบมอยู่บนรถที่กำลังเดินทางกลับไปส่งแบมแบมที่แมนชั่น มาร์คดูโอเคขึ้นเมื่ออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งแบมแบมก็ไม่รู้ว่ามาร์คหายไปนานเท่าไหร่ เพราะเขาก็มัวแต่จมอยู่กับความคิดของตนเอง ทั้งสองตัดสินใจเช็คบิลเพราะคงไม่มีใครกินอะไรลงแล้วก่อนเดินทางกลับ

         ‘แล้วทำไมถึงเรียกเคทว่าฆาตกรล่ะ?’ เป็นประโยคแรกที่มาร์คถามเมื่อพวกเขาขึ้นมาอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว

         แบมแบมมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนตอบคำถามของมาร์ค



         ย้อนกลับไปวันนั้น... นอกจากศพของไดแอนและลูกของเธอ ข้างๆยังมีกระเป๋าถือ ชีทเรียนและหนังสือเล่มบางๆอีกสองสามเล่มตกกระจายอยู่

       ข้าวของในกระเป๋ากระเด็นออกมาไม่ว่าจะกล่องดินสอ กระเป๋าเครื่องสำอางและกระติกเก็บความร้อนใบเล็กๆ

       แบมแบมรู้สึกคุ้นตากระติกน้ำใบนั้นเหลือเกิน...

       การตายของไดแอนถูกสรุปให้เป็นการฆ่าตัวตาย เธอพยายามทำแท้งด้วยตัวเอง มันสำเร็จ... แต่ไม่สมบูรณ์ กระติกน้ำใบนั้นที่แบมแบมเห็น แท้จริงแล้วบรรจุชาดอกไม้แห้งที่มีฤทธิ์ขับเลือดและบีบมดลูก เธอตกเลือดมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหวเธอจึงเสียชีวิตลงด้วยความทรมาณ

       สามวันหลังจากคดีของไดแอนถูกปิดลง แบมแบมยังคงคิดถึงกระติกน้ำใบนั้นตลอดเวลา... มันคุ้นมากจนเขาไม่สามารถสลัดมันออกจากความคิดได้เลย

       แขนเล็กก่ายอยู่บนหน้าผากตัวเอง ขณะนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสามเข้าไปแล้ว แต่แบมแบมยังไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เขาถอนหายใจออกมา ทว่ายังไม่ทันที่จะสุดห้วงลมหายใจดี แบมแบมดีดตัวขึ้น

       เขาจำได้แล้ว

       กระติกน้ำใบนั้น...

       เหตุไฉนจึงรู้สึกคุ้นเคยกับมันนัก

       เพราะกระติกน้ำใบนั้นเป็นของเคท มิลล์สัน...



         “แต่คดีของเธอปิดไปแล้ว...” แบมแบมว่า

         “และตำรวจคงไม่รื้อคดีเล็กนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกรอบ?” มาร์คพูดต่อแต่ก็เป็นเชิงถามไปในที

         “ใช่ครับ... อีกอย่างครอบครัวของไดแอนก็อยากให้เรื่องมันจบไปฟอร์ดฟิวชั่นจอดลงที่หัวมุมถนนที่เดิม ขณะนี้เป็นเวลาเกือบๆเที่ยงคืน แบมแบมปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ก็ยังคงนั่งอยู่บนรถ

         “เท่าที่ฟังมา... ผู้หญิงคนนี้ดูอันตรา-”

         “ใช่ เธอน่ะตัวอันตรายของแท้เลยมาร์คยังไม่ทันพูดจบแบมแบมก็แทรกขึ้นมา อาจารย์หนุ่มหัวเราะเล็กน้อย หันไปหาแบมแบมก่อนคว้าอีกคนมากอดโดยไม่ให้ตั้งตัว

         แบมแบมตกใจกับการกระทำของมาร์คเล็กน้อย แต่ยอมให้อีกคนกอดอยู่แบบนั้น ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าของเขาทาบทับลงมาบนศีรษะ ลูบช้าๆพร้อมกระซิบข้างหู

         “เพื่อนข้างห้องอันตรายขนาดนั้นแล้วแบมแบมของฉันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” แบมแบมยกยิ้มก่อนตอบกลับ

         “ผมก็อยู่ห้องข้างๆเธอมาปีกว่าๆแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

         “แล้วเรื่องของเรา?”

         “ไม่มีใครเชื่อยัยนั่นหรอกครับ ชนักติดหลังซะขนาดนั้นแบมแบมยกมือขึ้น ใช้นิ้วโป้งไล้ที่ใบหูอีกคนเบาๆแล้วขยับหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ

         “ไม่ต้องกังวลไป ผมสัญญาแล้วไงแบมแบมเว้นวรรค เลื่อนนิ้วจากใบหูของมาร์คไปที่แอ่งชีพจรบริเวณลำคอ ผมจะไม่บอกใคร...  จะมีแค่ผมและคุณเท่านั้นที่รู้ความลับของเราสองคน

         “...”

         “ผมสาบาน



          กลับไปคอมเมนต์ได้ที่ >> http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1291187&chapter=31


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น